7 ประเภทกระดาษที่มืออาชีพเลือกใช้ พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับงานพิมพ์

7 ประเภทของกระดาษ เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับงานพิมพ์

ทำความรู้จัก 7 ประเภทของกระดาษยอดนิยม วิธีเลือกใช้อย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงงานพิมพ์พัง ดูมืออาชีพขึ้น!

“เคยไหม? งานพิมพ์สวยแต่ดันพังเพราะเลือกกระดาษผิด! บางครั้งแค่เลือกกระดาษให้ถูกชนิด ก็เปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์จากธรรมดาให้ดูมืออาชีพได้ทันที”

การเลือกกระดาษอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วมันคือปัจจัยสำคัญที่สามารถยกระดับคุณภาพงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมาก กระดาษที่ดีไม่เพียงแต่ทำให้งานพิมพ์ออกมาสวย แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

แต่…ทำไมเราถึงมักเลือกกระดาษผิด?

เพราะกระดาษมีหลายชนิด หลายประเภท และแต่ละแบบก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน หากเลือกผิด อาจทำให้แบรนด์ดูธรรมดา หรือแย่ไปกว่านั้น งานพิมพ์อาจเสียหายและไม่น่าสนใจ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงประเภทกระดาษยอดนิยม พร้อมเคล็ดลับในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานพิมพ์ทุกประเภท

ประเภทกระดาษยอดนิยม เช่น กระดาษคราฟท์ ปอนด์ อาร์ตมัน อาร์ตการ์ด กล่องแป้ง ลูกฟูก และจั่วปัง พร้อมตัวอย่างการใช้งาน

ทำความรู้จัก ชนิดของกระดาษมีกี่แบบ?

การแบ่งประเภทของกระดาษขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เช่น การพิมพ์เอกสาร การทำบรรจุภัณฑ์ นี้คือ 7 ประเภทกระดาษยอดนิยมที่คุณควรรู้

1. กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)

กระดาษคราฟท์มีเนื้อเหนียว แข็งแรง รีไซเคิลได้ เหมาะกับบรรจุภัณฑ์แนว Eco เช่น กล่องอาหาร ถุงช้อปปิ้ง หรือสินค้าจากธรรมชาติ โดดเด่นเรื่องความทนทานและภาพลักษณ์รักษ์โลก แต่สีพิมพ์อาจไม่สดใสเท่ากระดาษมัน

ถ้าคุณกำลังมองหากระดาษที่ทั้งแข็งแรงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระดาษคราฟท์อาจเป็นคำตอบที่คุณต้องการ 

→ ลองดู กระดาษคราฟท์ คืออะไร? เหมาะกับงานแบบไหน? เพื่อเข้าใจลึกกว่านั้น

Quick Tip : เลือกกระดาษคราฟท์สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงและภาพลักษณ์ธรรมชาติ เช่น กล่องสบู่หรือถุงกระดาษ

2. กระดาษอาร์ตมัน (Art Paper)

กระดาษอาร์ตมันมีผิวมันเงา สีพิมพ์สดใส เหมาะกับงานกราฟิกที่เน้นความคมชัด เช่น ใบปลิว โบรชัวร์ แคตตาล็อก ข้อดีคือสีสด คมชัด แต่สะท้อนแสงและเกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย

สำหรับงานที่เน้นความเงา สีสด และคมชัด เช่น ใบปลิวหรือโบรชัวร์ กระดาษอาร์ตมันถือเป็นตัวเลือกยอดนิยม ถ้ายังสงสัยว่า 

อาร์ตมันคืออะไร ใช้กับงานพิมพ์แบบไหน บทความนี้มีคำตอบ

Quick Tip : ใช้กระดาษอาร์ตมันในงานพิมพ์โฆษณาที่ต้องการภาพคมชัด สีสันสดใส เช่น โบรชัวร์หรือแคตตาล็อก

3. กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Card)

กระดาษอาร์ตการ์ดมีความหนา ผิวมันเงา เหมาะกับงานพรีเมียม เช่น กล่องเครื่องสำอาง บรรจุภัณฑ์แบรนด์ เน้นความคงทนและภาพลักษณ์หรูหรา

หากคุณต้องการพิมพ์กล่องแบรนด์ที่ดูหรูหรา พรีเมียม และรองรับงานเคลือบพิเศษได้ดี กระดาษอาร์ตการ์ด 300g–400g คือตัวเลือกที่ใช่

→ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาร์ตการ์ดคืออะไร พร้อมเทคนิคการเลือก

Quick Tip : เลือกอาร์ตการ์ดสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความแข็งแรงและพรีเมียม เช่น กล่องแบรนด์สินค้า

4. กระดาษกล่องแป้ง หลังขาว / หลังเทา (Duplex Board)

กระดาษกล่องแป้งมีน้ำหนักเบา ราคาย่อมเยา เหมาะกับกล่องอาหารและขนม มีทั้งแบบหลังขาวและหลังเทา ข้อดีคือพิมพ์ได้ทั้งสองด้าน (หลังขาว) แต่ไม่ทนเท่าจั่วปัง

ในสายการผลิตบรรจุภัณฑ์ กล่องแป้งทั้งแบบหลังขาวและหลังเทายังเป็นที่นิยม เพราะราคาไม่แรงและใช้งานได้หลากหลาย ถ้าคุณยังเลือกไม่ถูกระหว่างสองแบบนี้ ลองดู ข้อแตกต่างของกล่องแป้งหลังขาว vs หลังเทา

Quick Tip : เลือกกล่องแป้งเมื่อความแข็งแรงไม่ใช่ประเด็นหลัก เช่น กล่องอาหารหรือบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก

5. กระดาษลูกฟูก (Corrugated Paper)

กระดาษลูกฟูกรองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับกล่องพัสดุหรือบรรจุภัณฑ์สินค้าหนัก มีหลายชั้น เช่น ลอน E , B , C ขึ้นอยู่กับความหนาและความแข็งแรง

สำหรับสินค้าที่ต้องส่งพัสดุ หรือมีน้ำหนักมาก กระดาษลูกฟูกถือเป็นตัวเลือกมาตรฐานที่ช่วยลดแรงกระแทกได้ดี

→ ดูรายละเอียด ประเภทกระดาษลูกฟูกและวิธีเลือกให้เหมาะกับสินค้า

Quick Tip : ใช้กระดาษลูกฟูกสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความทนทาน เช่น กล่องขนส่งหรือพัสดุขนาดใหญ่

6. กระดาษจั่วปัง (Rigid Board)

กระดาษจั่วปังมีความหนาและแข็งแรง ดูพรีเมียม เหมาะกับกล่องของขวัญและบรรจุภัณฑ์หรู ข้อดีคือให้ความรู้สึกพิเศษ แต่มีน้ำหนักมาก

ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “ความรู้สึกระดับพรีเมียม” ในกล่องของขวัญหรือกล่องเครื่องสำอาง กระดาษจั่วปังคือวัสดุที่คุณควรรู้จัก

→ ทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ที่ กระดาษจั่วปังคืออะไร? พร้อมตัวอย่างงานจริง

Quick Tip : เลือกจั่วปังสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความพรีเมียมสูง เช่น กล่องของขวัญหรือสินค้าลักซ์ชัวรี่

7. กระดาษปอนด์ (Bond Paper)

กระดาษปอนด์มีผิวเรียบ ด้าน เหมาะกับเอกสารทั่วไป หนังสือ คู่มือ เน้นการพิมพ์ตัวอักษร คมชัด อ่านง่าย แต่ไม่เหมาะกับกราฟิกสีสดใส

แม้จะดูธรรมดา แต่กระดาษปอนด์ยังคงเป็นกระดาษยอดนิยมในงานเอกสาร หนังสือ หรือคู่มือ เพราะพิมพ์ง่ายและอ่านสบายตา

→ อ่านต่อเกี่ยวกับ การใช้งานกระดาษปอนด์ให้เหมาะกับงานพิมพ์ของคุณ

Quick Tip : เลือกกระดาษปอนด์สำหรับงานเอกสารและงานพิมพ์ตัวอักษร เช่น หนังสือหรือคู่มือ

ตารางเปรียบเทียบการใช้งานกระดาษแต่ละประเภท

ประเภทกระดาษคุณสมบัติเด่นการใช้งานหลักจุดเด่นข้อควรระวัง
กระดาษคราฟท์ (Kraft)เนื้อเหนียว แข็งแรง รีไซเคิลได้บรรจุภัณฑ์แนว Eco, ถุงกระดาษ, กล่องอาหารทนทาน ดูรักษ์โลกสีพิมพ์ไม่สดใส
กระดาษอาร์ตมัน (Glossy)ผิวมันเงา สีสด คมชัดใบปลิว, โบรชัวร์, แคตตาล็อกภาพคมชัด เน้นสีสดสะท้อนแสง เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย
กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Card)หนา ผิวมันเงา แข็งแรงกล่องเครื่องสำอาง, กล่องสินค้าแบรนด์, ปกหนังสือดูพรีเมียม รองรับงานเคลือบราคาสูงกว่ากระดาษทั่วไป
กล่องแป้ง (Boxboard)น้ำหนักเบา ราคาย่อมเยากล่องอาหาร, กล่องขนม, กล่องยาพิมพ์ได้ทั้งสองด้าน (หลังขาว)ความแข็งแรงน้อยกว่ากระดาษจั่วปัง
กระดาษลูกฟูก (Corrugated)รองรับแรงกระแทก แข็งแรงกล่องพัสดุ, กล่องขนส่ง, กล่องสินค้าอุตสาหกรรมทนต่อแรงกระแทก เหมาะกับขนส่งไม่เหมาะกับงานกราฟิกละเอียด
กระดาษจั่วปัง (Rigid Board)หนา แข็งแรง ดูพรีเมียมกล่องของขวัญ, บรรจุภัณฑ์พรีเมียม, กล่องจิวเวลรี่เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ดูหรูหราน้ำหนักมาก ไม่เหมาะกับการขนส่ง
กระดาษปอนด์ (Bond)ผิวเรียบ ด้าน อ่านง่ายเอกสาร, หนังสือ, คู่มือพิมพ์ตัวอักษรได้ดี ราคาย่อมเยาไม่เหมาะกับกราฟิกสีสด

เคล็ดลับในการเลือกชนิดของกระดาษให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกกระดาษให้เหมาะกับงานพิมพ์หรือบรรจุภัณฑ์เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะกระดาษแต่ละประเภทมีคุณสมบัติเฉพาะตัว การเลือกผิดอาจทำให้งานดูไม่มืออาชีพหรือเกิดความเสียหายได้ง่าย ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณเลือกกระดาษได้อย่างถูกต้องและคุ้มค่า

1. เลือกกระดาษตามประเภทงานพิมพ์

การพิมพ์แต่ละประเภทมีความต้องการกระดาษที่แตกต่างกัน เช่น

  • งานพิมพ์กราฟิก/โฆษณา
    • ใช้ กระดาษอาร์ตมัน เพื่อให้สีสดใส คมชัด เหมาะกับใบปลิว โบรชัวร์ และแคตตาล็อก
    • หากต้องการลุคที่หรูหรา ให้เลือก กระดาษอาร์ตด้าน ที่ไม่สะท้อนแสง
  • งานเอกสาร/คู่มือ
    • ใช้ กระดาษปอนด์ ที่มีผิวด้าน อ่านง่าย เหมาะกับงานเอกสารทั่วไป
  • งานพรีเมียม/ของขวัญ
    • ใช้ กระดาษจั่วปัง เพื่อสร้างความแข็งแรงและภาพลักษณ์หรูหรา เช่น กล่องของขวัญหรือบรรจุภัณฑ์ระดับพรีเมียม

2. เลือกกระดาษตามวัตถุประสงค์การใช้งาน

  • งานบรรจุภัณฑ์
    • ถ้าต้องการความทนทาน เลือก กระดาษลูกฟูก สำหรับสินค้าหนัก
    • ถ้าเน้นภาพลักษณ์ Eco-Friendly ใช้ กระดาษคราฟท์ ที่รีไซเคิลได้
  • งานพิมพ์ที่ต้องการภาพลักษณ์พรีเมียม
    • เลือก อาร์ตการ์ด ที่มีความหนาและผิวมันเงา เหมาะกับบรรจุภัณฑ์แบรนด์หรู
  • งานพิมพ์ที่เน้นการอ่าน
    • กระดาษ ถนอมสายตา เหมาะกับหนังสือและเอกสารที่ต้องอ่านเป็นเวลานาน

3. พิจารณาจากคุณสมบัติของกระดาษ

  • น้ำหนัก (แกรม)
    • กระดาษที่หนาจะมีน้ำหนักมาก (เช่น 300g ขึ้นไป) เหมาะกับกล่องและบรรจุภัณฑ์
    • กระดาษเบา (80-120g) เหมาะกับเอกสารภายใน
น้ำหนักกระดาษ (แกรม)การใช้งานหลักตัวอย่างการใช้งาน
80-100งานเอกสาร, หนังสือพิมพ์, คู่มือใบปลิว, รายงาน, คู่มือการใช้งาน
130-160งานกราฟิก, โบรชัวร์, แคตตาล็อกใบปลิวสี, แคตตาล็อกสินค้า
200-250ปกหนังสือ, นามบัตร, โปสเตอร์นามบัตรพรีเมียม, ปกนิตยสาร, โปสเตอร์โฆษณา
300-350กล่องพรีเมียม, บรรจุภัณฑ์สินค้ากล่องเครื่องสำอาง, กล่องครีม, บรรจุภัณฑ์แบรนด์
400-450กล่องขนส่ง, บรรจุภัณฑ์ทนทานกล่องลูกฟูก, กล่องขนส่งสินค้า
  • พื้นผิว (มัน/ด้าน)
    • กระดาษมัน (Glossy) ให้สีสดใส เหมาะกับภาพถ่ายและกราฟิก
    • กระดาษด้าน (Matte) ดูเรียบหรู ไม่สะท้อนแสง เหมาะกับนามบัตรและปกหนังสือ
  • ความทึบแสง
    • กระดาษที่มีความทึบสูงช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อหาด้านหลังมองเห็นทะลุออกมา
    • เหมาะกับการพิมพ์หนังสือที่มีตัวอักษรหนาแน่น

4. ประเมินตามต้นทุนและความคุ้มค่า

  • ถ้าเป็นงานที่ต้องผลิตจำนวนมาก เช่น โบรชัวร์หรือใบปลิว ควรเลือกกระดาษอาร์ตมันที่มีราคาย่อมเยาแต่ให้คุณภาพดี
  • งานพรีเมียมหรือของขวัญ ควรลงทุนกับกระดาษจั่วปังหรืออาร์ตการ์ด แม้ต้นทุนสูง แต่ภาพลักษณ์ที่ได้คุ้มค่า

5. คำนึงถึงการใช้งานหลังพิมพ์

  • จะต้องเคลือบด้านหรือเงาหรือไม่?
    • ถ้าใช่ เลือกกระดาษอาร์ตการ์ดที่รองรับงานเคลือบได้ดี
  • ต้องพิมพ์สองด้านหรือไม่?
    • ถ้าใช่ ควรเลือก กล่องแป้งหลังขาว ที่พิมพ์ได้ทั้งสองด้าน

6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการพิมพ์

การเลือกกระดาษที่ถูกต้องไม่ได้มีแค่การอ่านข้อมูล แต่ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในงานพิมพ์จริง การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจผิดพลาด

Tips : เคล็ดลับในการเลือกกระดาษ

การเลือกกระดาษไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่คือการวางแผนด้านภาพลักษณ์และคุณภาพของงานพิมพ์ การทำความเข้าใจชนิดของกระดาษและเลือกใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มมูลค่าและความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณ

เปรียบเทียบประเภทกระดาษกับหนาที่นิยมใช้ (หน่วย แกรม)

การเลือกความหนากระดาษ(แกรม) ต้องดูว่า “กล่องหรืองานพิมพ์นั้นๆ” ต้องรับแรงมากน้อยแค่ไหน และอยู่ในบริบทอะไร เช่น พับบ่อยไหม? เคลือบหรือไม่?

ประเภทกระดาษแกรมที่นิยมใช้เหมาะกับงาน
อาร์ตมัน130g / 160gใบปลิว โบรชัวร์ แคตตาล็อก
อาร์ตการ์ด260g / 300g / 350g / 400gกล่องแบรนด์ กล่องครีม
กล่องแป้ง (หลังขาว/เทา)300g – 450gกล่องอาหาร ขนม ยา
คราฟท์300g / 350g / 375g / 450gกล่องแนวธรรมชาติ ถุงช้อปปิ้ง
ลูกฟูก3 ชั้น / 5 ชั้น (ลอน E, B, C)กล่องขนส่ง กล่องหนัก
จั่วปัง1.5mm – 2.5mmกล่องพรีเมียม กล่องของขวัญ
ปอนด์80g / 100g / 120gเอกสาร คู่มือ หนังสือ

สรุป

การเลือกกระดาษให้เหมาะสมไม่ใช่เพียงการเลือกความหนาหรือพื้นผิวเท่านั้น แต่คือการวางแผนเพื่อสร้าง ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและคุณภาพงานพิมพ์ที่โดดเด่น กระดาษแต่ละชนิดมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้น การทำความเข้าใจคุณสมบัติของกระดาษจะช่วยลดความเสี่ยงในการเลือกผิดและช่วยให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

การเลือกผิดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้งานพิมพ์ของคุณเสียหายได้ ดังนั้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้กระดาษที่เหมาะสมกับงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์มากที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประเภทกระดาษ (FAQ)

กระดาษมีกี่ประเภทที่นิยมใช้ในงานพิมพ์?

กระดาษที่นิยมใช้มี 7 ประเภทหลัก ได้แก่ กระดาษคราฟท์, อาร์ตมัน, อาร์ตการ์ด, กล่องแป้ง, ลูกฟูก, จั่วปัง และกระดาษปอนด์ ซึ่งแต่ละชนิดเหมาะกับงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ต่างกัน

จะเลือกกระดาษให้เหมาะกับกล่องสินค้าได้อย่างไร?

ควรพิจารณาน้ำหนักสินค้า , ภาพลักษณ์แบรนด์ , ตำแหน่งขาย และกระบวนการหลังพิมพ์ เช่น หากต้องการงานพรีเมียมให้เลือกจั่วปังหรืออาร์ตการ์ด

เลือกกระดาษแบบไหนให้ภาพพิมพ์คมชัด?

กระดาษอาร์ตมันและอาร์ตการ์ดให้ภาพพิมพ์คมชัด สีสด เหมาะกับงานที่เน้นรายละเอียด โดยอาร์ตการ์ดให้ความแข็งแรงมากกว่า

น้ำหนักกระดาษสำคัญอย่างไร?

น้ำหนักกระดาษ (แกรม) บ่งบอกถึงความหนาและความแข็งแรง กระดาษเบา (80-120g) เหมาะกับเอกสารทั่วไป กระดาษปานกลาง (130-300g) เหมาะกับโบรชัวร์และโปสเตอร์ ส่วนกระดาษหนัก (300g ขึ้นไป) เหมาะกับบรรจุภัณฑ์พรีเมียมหรือกล่องขนส่ง

กระดาษบรรจุภัณฑ์ควรเลือกแบบไหน?

เลือกตามประเภทสินค้าและภาพลักษณ์ กล่องสินค้าหรูควรใช้กระดาษอาร์ตการ์ด บรรจุภัณฑ์อาหารใช้กระดาษกล่องแป้ง กล่องขนส่งใช้กระดาษลูกฟูก ส่วนบรรจุภัณฑ์แนว Eco เลือกกระดาษคราฟท์ที่รีไซเคิลได้

กระดาษพิมพ์ที่นิยมใช้คืออะไร?

กระดาษอาร์ตมันและอาร์ตการ์ดเป็นที่นิยมสำหรับงานกราฟิกและบรรจุภัณฑ์