กระดาษคราฟท์ คือ ? คำถามที่หลายคนสงสัย แต่ไม่มีใครบอก!

กระดาษคราฟท์ คือ? คำถามที่หลายคนสงสัย แต่ไม่มีใครบอก!

กระดาษคราฟท์ คืออะไร? วัสดุที่ทั้งแข็งแรง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และใช้ได้หลากหลาย! มาค้นหาคำตอบที่หลายคนไม่เคยรู้!

ถ้าพูดถึงกระดาษที่ทั้งแข็งแรง ทนทาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระดาษคราฟท์ คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกที่หลายคนนึกถึง กระดาษชนิดนี้เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และงาน DIY เนื่องจากสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ทั้งในงานพิมพ์ ห่อของขวัญ หรือแม้แต่ทำเป็นถุงกระดาษที่เราใช้กันทั่วไป

ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกเกี่ยวกับกระดาษคราฟท์ ตั้งแต่วิธีการผลิต คุณสมบัติ ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงประเภทต่างๆ และคำแนะนำในการเลือกใช้ให้เหมาะสม

กระดาษคราฟท์ คืออะไร?

กระดาษคราฟท์ (kraft paper) เป็นกระดาษที่ผลิตจากเยื่อไม้เนื้อแข็งผ่านกระบวนการคราฟท์ (Kraft Process) ซึ่งเป็นกระบวนการทางเคมีที่ช่วยให้กระดาษมีความแข็งแรงกว่ากระดาษทั่วไป โครงสร้างของเส้นใยกระดาษคราฟท์ทำให้สามารถรับน้ำหนักและแรงดึงได้ดี จึงเหมาะกับการนำไปใช้ทำบรรจุภัณฑ์ กระดาษคราฟท์ส่วนใหญ่มักมีสีน้ำตาลธรรมชาติ แต่ก็สามารถผ่านกระบวนการฟอกให้เป็นกระดาษคราฟท์ สีขาว ได้เช่นกัน

กระดาษคราฟท์อาจดูเรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วเป็นหนึ่งในกระดาษที่อยู่ในกลุ่มวัสดุงานพิมพ์สำคัญ หากคุณอยากเห็นภาพรวมของ ประเภทกระดาษทั้งหมดในงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ คลิกดูได้เลย

กระดาษคราฟท์ ทํามาจากอะไร?

กระดาษคราฟท์ผลิตจากเยื่อไม้เนื้อแข็ง เช่น ต้นสนและยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นไม้ที่มีเส้นใยยาวและเหนียว ช่วยให้กระดาษมีความแข็งแรงและทนทาน กระบวนการผลิตกระดาษคราฟท์เรียกว่า กระบวนการคราฟท์ (Kraft Process) ซึ่งเป็นกระบวนการแยกเยื่อไม้โดยใช้สารเคมีที่ช่วยสกัดลิกนินออกจากเส้นใย ทำให้กระดาษมีคุณภาพดีขึ้น กระบวนการนี้สามารถสรุปเป็นขั้นตอนได้ดังนี้

  1. การเตรียมไม้ – นำไม้เนื้อแข็ง เช่น ต้นสน ยูคาลิปตัส มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ
  2. การแยกเยื่อไม้ – ต้มเศษไม้ในสารเคมีเพื่อสกัดลิกนินออกจากเส้นใย
  3. การล้างและฟอกเยื่อ – ล้างสารเคมีตกค้าง และฟอกขาวหากต้องการกระดาษคราฟท์ สีขาว
  4. การอบแห้งและขึ้นรูป – รีดเยื่อกระดาษเป็นแผ่น อบแห้ง และปรับขนาดตามต้องการ
  5. การเคลือบหรือเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ (ถ้ามี) – เคลือบกันน้ำหรือเพิ่มความมันสำหรับงานพิมพ์
  6. การตรวจสอบคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ – ตรวจสอบความแข็งแรงและบรรจุเป็นม้วนหรือแผ่นพร้อมใช้งาน

กระบวนการนี้ช่วยให้กระดาษคราฟท์มีความแข็งแรงสูง ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะกับงานบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์

แผ่นกระดาษคราฟท์สีน้ำตาลเรียงซ้อนกัน ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์และงานพิมพ์

ประเภทของกระดาษคราฟท์

กระดาษคราฟท์มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้กระดาษคราฟท์ให้เหมาะสมจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานบรรจุภัณฑ์ งานพิมพ์ หรือการใช้งานทั่วไป

1. กระดาษคราฟท์ธรรมชาติ (Natural Kraft Paper)

เป็นกระดาษคราฟท์สีน้ำตาลที่ไม่ได้ผ่านการฟอกขาว มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับการทำถุงกระดาษ ซองกระดาษ และบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความทนทาน

2. กระดาษคราฟท์ฟอกขาว (Bleached Kraft Paper)

กระดาษคราฟท์ สีขาว ที่ผ่านกระบวนการฟอกสีให้ดูสะอาดและมีความสวยงามมากขึ้น เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการสีสดใส เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์พรีเมียม

3. กระดาษคราฟท์รีไซเคิล (Recycled Kraft Paper)

ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล มีความแข็งแรงปานกลาง เป็นตัวเลือกที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เหมาะสำหรับการทำบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก

4. กระดาษคราฟท์แบบเคลือบ (Coated Kraft Paper)

กระดาษคราฟท์ที่ถูกเคลือบเพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น กันน้ำ กันความชื้น เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร

ประเภทกระดาษคราฟท์สีความแข็งแรงการพิมพ์ความสามารถในการรีไซเคิลการใช้งานหลัก
กระดาษคราฟท์ธรรมชาติสีน้ำตาลสูงมากปานกลางรีไซเคิลง่ายถุงกระดาษ, กล่องสินค้า, งาน DIY
กระดาษคราฟท์ฟอกขาวสีขาวสูงดีมากรีไซเคิลได้กล่องพรีเมียม, ฉลากสินค้า, งานพิมพ์คุณภาพสูง
กระดาษคราฟท์รีไซเคิลสีน้ำตาล (ไม่สม่ำเสมอ)ปานกลางปานกลางรีไซเคิลได้กล่องขนส่ง, บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
กระดาษคราฟท์แบบเคลือบน้ำตาล / ขาวสูงดีรีไซเคิลยากบรรจุภัณฑ์อาหาร, ถุงกันน้ำ

สำหรับแบรนด์ที่ต้องการกล่องแนว Eco หรือสายมินิมอล กระดาษคราฟท์คือพระเอกตัวจริง แต่ถ้าคุณอยากให้แบรนด์ดูพรีเมียมมากขึ้น ก็อาจต้องเปรียบเทียบกับ กระดาษอาร์ตการ์ด ซึ่งให้ผิวสัมผัสหรูหราและรองรับงานเคลือบพิเศษได้ดีกว่า

กระดาษคราฟท์ชนิดต่างๆ รวมถึงกระดาษรีไซเคิลและกระดาษจากเส้นใยธรรมชาติ

ขนาดของกระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)

กระดาษคราฟท์มีหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ขึ้นอยู่กับประเภทของงานที่ต้องการ โดยสามารถแบ่งออกเป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้ในงานพิมพ์และขนาดที่ใช้ในงานบรรจุภัณฑ์

1. ขนาดมาตรฐานสำหรับงานพิมพ์

ขนาดของกระดาษคราฟท์ที่ใช้ในงานพิมพ์มักจะเหมือนกับกระดาษทั่วไป เช่น

  • กระดาษคราฟท์ A4 (210 x 297 มม.) เหมาะสำหรับการพิมพ์เอกสาร งานออกแบบ หรือป้ายโฆษณาขนาดเล็ก
  • กระดาษคราฟท์ A3 (297 x 420 มม.) ใช้ในงานพิมพ์ที่ต้องการขนาดใหญ่ขึ้น เช่น โปสเตอร์ หรือเมนูร้านอาหาร
  • กระดาษคราฟท์ A5 (148 x 210 มม.) เหมาะสำหรับการทำการ์ด โบรชัวร์ หรือป้ายแท็กสินค้า

2. ขนาดสำหรับงานบรรจุภัณฑ์และงานอุตสาหกรรม

สำหรับงานบรรจุภัณฑ์และงานอุตสาหกรรม กระดาษคราฟท์มักมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หรือมาในรูปแบบม้วนและแผ่นใหญ่ เช่น

  • กระดาษคราฟท์ม้วน ขนาดกว้าง 48 นิ้ว , 60 นิ้ว , 100 นิ้ว (ใช้สำหรับงานห่อพัสดุและบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่)
  • กระดาษคราฟท์แผ่น มีขนาดเริ่มต้นที่ 50 x 75 ซม. ไปจนถึง 100 x 150 ซม. เหมาะสำหรับการใช้ตัดแปรรูปตามความต้องการ

3. ขนาดกระดาษคราฟท์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมพิเศษ

บางอุตสาหกรรมอาจต้องใช้กระดาษคราฟท์ที่มีขนาดเฉพาะ เช่น

  • กระดาษคราฟท์สำหรับเครื่องพิมพ์ลายไม้ ที่ต้องมีความกว้างเฉพาะ
  • กระดาษคราฟท์สำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ ที่มีขนาดเหมาะกับการปิดผิวไม้หรือทำบรรจุภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์
  • กระดาษคราฟท์ห่ออาหาร ที่มาในขนาดมาตรฐานสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น กระดาษคราฟท์ห่อเบอร์เกอร์ หรือกระดาษคราฟท์ซองใส่เฟรนช์ฟรายส์
ประเภทขนาดขนาด (มม.) / นิ้วการใช้งานที่เหมาะสม
ขนาดมาตรฐาน (สำหรับงานพิมพ์)
กระดาษคราฟท์ A5148 x 210 มม. (5.8 x 8.3 นิ้ว)การ์ดเชิญ, โบรชัวร์, ป้ายแท็กสินค้า
กระดาษคราฟท์ A4210 x 297 มม. (8.3 x 11.7 นิ้ว)เอกสารพิมพ์, งานออกแบบ, ป้ายโฆษณาขนาดเล็ก
กระดาษคราฟท์ A3297 x 420 มม. (11.7 x 16.5 นิ้ว)โปสเตอร์, เมนูร้านอาหาร, งานพิมพ์ศิลปะ
กระดาษคราฟท์ A2420 x 594 มม. (16.5 x 23.4 นิ้ว)งานพิมพ์ขนาดใหญ่, ป้ายโฆษณา
กระดาษคราฟท์ A1594 x 841 มม. (23.4 x 33.1 นิ้ว)งานศิลปะ, ออกแบบบรรจุภัณฑ์
ขนาดสำหรับงานบรรจุภัณฑ์
กระดาษคราฟท์ม้วนกว้าง 48 นิ้ว, 60 นิ้ว, 100 นิ้ว (ความยาวแปรผัน)ใช้ห่อพัสดุ, แพ็คสินค้า, บรรจุภัณฑ์อุตสาหกรรม
กระดาษคราฟท์แผ่น50 x 75 ซม., 100 x 150 ซม.ใช้ตัดแปรรูป, ห่อของขวัญ, งานเฟอร์นิเจอร์
ขนาดพิเศษ (อุตสาหกรรมเฉพาะทาง)
กระดาษคราฟท์ห่ออาหารตัดขนาดตามการใช้งานซองเฟรนช์ฟรายส์, ห่อเบอร์เกอร์, ถาดรองอาหาร
กระดาษคราฟท์สำหรับพิมพ์ลายไม้ขนาดเฉพาะตามเครื่องพิมพ์ใช้ปิดผิวไม้, งานตกแต่งภายใน
กระดาษคราฟท์สำหรับเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่พิเศษบรรจุภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์, กันกระแทก

กระดาษคราฟท์มีกี่แกรม?

หลายคนอาจสงสัย กระดาษคราฟท์ มีกี่แกรม มาเรียนรู้กัน “แกรม” หมายถึงน้ำหนักของกระดาษต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร (gsm) ยิ่งตัวเลขมาก กระดาษยิ่งหนาและแข็งแรงขึ้น

แกรม (gsm)คุณสมบัติการใช้งานที่เหมาะสม
70-100 แกรมบาง ยืดหยุ่นง่ายงานพิมพ์ ซองเอกสาร กระดาษห่อสินค้า
120-150 แกรมหนาขึ้น ทนทานต่อการฉีกขาดมากขึ้นถุงกระดาษ บรรจุภัณฑ์เบาๆ ห่อของขวัญ
170-200 แกรมมีความแข็งแรงปานกลางป้ายแท็กสินค้า การ์ดเชิญ เมนูร้านอาหาร
250-300 แกรมแข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดีกล่องพัสดุ กล่องกระดาษใส่อาหาร บรรจุภัณฑ์สินค้า
350 แกรมขึ้นไปหนามาก ใกล้เคียงกระดาษลูกฟูกชั้นเดียวกล่องบรรจุภัณฑ์พรีเมียม แพ็กเกจจิ้งที่ต้องการความแข็งแรงสูง
ประเภทของกระดาษคราฟท์และการใช้งาน เช่น ถุงกระดาษ กระดาษห่อสินค้า และบรรจุภัณฑ์พรีเมียม

ข้อดีและข้อเสียของกระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)

กระดาษคราฟท์เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในงานบรรจุภัณฑ์และงานพิมพ์ แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนเลือกใช้งาน

ข้อดีของกระดาษคราฟท์

  • แข็งแรง ทนทาน – ไม่ฉีกขาดง่าย รองรับน้ำหนักได้ดี
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – กระดาษคราฟท์ รีไซเคิล และย่อยสลายได้ง่าย
  • รองรับงานพิมพ์ – สามารถพิมพ์โลโก้และข้อความได้ชัดเจน
  • มีหลายขนาดและความหนา – เช่น กระดาษคราฟท์ A4 , กระดาษคราฟท์ 300 แกรม
  • เหมาะกับงานบรรจุภัณฑ์ – ใช้ทำกล่อง ถุง และซองเอกสาร
  • ราคาไม่แพง – คุ้มค่ากับการใช้งาน

ข้อเสียของกระดาษคราฟท์

  • ไม่กันน้ำ – อาจต้องเคลือบกันน้ำเพิ่มเติม
  • พื้นผิวหยาบ – ไม่เรียบเนียนเท่ากระดาษอาร์ต
  • สีไม่สม่ำเสมอ – กระดาษคราฟท์ธรรมชาติอาจมีสีแตกต่างกันเล็กน้อย
  • พิมพ์สีสดใสไม่ได้ดีนัก – ดูดซับหมึกมากกว่ากระดาษเคลือบ
  • อาจแพงกว่ากระดาษทั่วไป – หากเป็นกระดาษคราฟท์ สีขาว หรือเคลือบพิเศษ
หัวข้อข้อดีข้อเสีย
ความแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ดีไม่กันน้ำโดยธรรมชาติ
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรีไซเคิล และย่อยสลายได้ง่าย
งานพิมพ์พิมพ์โลโก้และลวดลายได้พิมพ์สีสดใสได้ไม่ดีนัก
พื้นผิวให้ลุคธรรมชาติพื้นผิวหยาบ ไม่เรียบเนียน
ราคาราคาถูกกว่าพลาสติกแพงกว่ากระดาษทั่วไปในบางประเภท
การใช้งานใช้ทำกล่อง ถุง ซองกระดาษอาจต้องเคลือบกันน้ำในบางกรณี

กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) กับงานบรรจุภัณฑ์

ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กระดาษคราฟท์กลายเป็นตัวเลือกหลักในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แทนพลาสติก เนื่องจากคุณสมบัติที่แข็งแรง น้ำหนักเบา และสามารถรีไซเคิลได้ง่าย กระดาษคราฟท์ถูกนำมาใช้ในหลายรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่กล่องสินค้าไปจนถึงถุงกระดาษและห่อของขวัญ

ทำไมกระดาษคราฟท์ถึงเหมาะกับงานบรรจุภัณฑ์?

  1. ความแข็งแรงและทนทาน : กระดาษคราฟท์สามารถรองรับน้ำหนักของสินค้าได้ดีโดยไม่ฉีกขาดง่าย จึงนิยมใช้ทำกล่องพัสดุ ซองเอกสาร และถุงช้อปปิ้งที่ต้องการความทนทานสูง
  2. สามารถพิมพ์ลวดลายและแบรนด์ได้ง่าย : แม้ว่าพื้นผิวของกระดาษคราฟท์จะมีความหยาบเล็กน้อย แต่สามารถพิมพ์โลโก้และลวดลายได้ชัดเจน เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์และสื่อสารความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดขยะพลาสติก : กระดาษคราฟท์สามารถรีไซเคิลได้หลายครั้งและย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ การใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษคราฟท์ช่วยลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และช่วยลดปริมาณขยะที่ก่อให้เกิดมลพิษ
  4. รองรับการเคลือบกันน้ำและกันความชื้น : แม้ว่ากระดาษคราฟท์จะไม่กันน้ำโดยธรรมชาติ แต่สามารถเคลือบด้วยชั้นป้องกันน้ำหรือขี้ผึ้งเพื่อใช้กับบรรจุภัณฑ์อาหารหรือสินค้าที่ต้องการความคงทนต่อความชื้น

ประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กระดาษคราฟท์

  1. ถุงกระดาษคราฟท์ : นิยมใช้ในร้านค้าและคาเฟ่ เช่น ถุงใส่อาหาร ถุงช้อปปิ้ง และถุงของขวัญ เพราะให้ลุคมินิมอลและรักษ์โลก
  2. กล่องบรรจุภัณฑ์ : กระดาษคราฟท์ 300 แกรมขึ้นไปมักถูกนำมาใช้ทำกล่องพัสดุ กล่องของขวัญ และบรรจุภัณฑ์สินค้าออร์แกนิก
  3. กระดาษห่อสินค้า : กระดาษคราฟท์บางชนิดใช้สำหรับห่อสินค้า เช่น อาหาร เบเกอรี่ หรือของขวัญ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและสวยงาม
  4. สติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า และแท็กสินค้า : ร้านค้าออนไลน์และแบรนด์รักษ์โลกนิยมใช้กระดาษคราฟท์พิมพ์ฉลากสินค้าและแท็กสินค้า เพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์และแสดงถึงแนวคิดความยั่งยืน

กระดาษคราฟท์ ราคา เท่าไหร่?

ราคาของกระดาษคราฟท์ขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด และความหนา โดยทั่วไป

  • กระดาษคราฟท์ A4 มีราคาประมาณ 0.35-2 บาทต่อแผ่น ขึ้นอยู่กับแกรม
  • กระดาษคราฟท์ 300 แกรม และแบบหนาพิเศษ อาจมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อซื้อแบบม้วน
  • กระดาษคราฟท์ม้วนหรือแบบแพ็ค สำหรับบรรจุภัณฑ์ มีราคาขึ้นอยู่กับขนาดและความหนา

กระดาษคราฟท์ กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันกระดาษคราฟท์เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในการลดการใช้พลาสติก เพราะสามารถรีไซเคิลและย่อยสลายได้ง่าย

  • กระดาษคราฟท์ รีไซเคิล ได้ และนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายรอบ
  • กระดาษคราฟท์ ย่อยสลาย ได้เองตามธรรมชาติ โดยใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์
  • ช่วยลดขยะพลาสติก เพราะสามารถใช้แทนถุงพลาสติกได้ในหลายกรณี

สรุป

กระดาษคราฟท์สามารถนำไปใช้ได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ งานพิมพ์ ห่อของขวัญ ไปจนถึงงานศิลปะและ DIY อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถรีไซเคิลและย่อยสลายได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ต้องการลดการใช้พลาสติกและสร้างความยั่งยืนในการใช้วัสดุ

หากคุณกำลังมองหากระดาษที่มีความทนทาน ดูดี และช่วยรักษ์โลก กระดาษคราฟท์เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพ ราคา และความคุ้มค่า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระดาษคราฟท์ (FAQ)

1. กระดาษคราฟท์ ใช้ทําอะไร?

กระดาษคราฟท์สามารถใช้ทำบรรจุภัณฑ์สินค้า เช่น กล่องกระดาษ ถุงกระดาษ และซองเอกสาร รวมถึงงานพิมพ์ นามบัตร เมนูร้านอาหาร ฉลากสินค้า แท็กสินค้า งาน DIY และงานศิลปะต่างๆ

2. กระดาษสีน้ำตาล ทำมาจากอะไร?

กระดาษสีน้ำตาล หรือ กระดาษคราฟท์ ทำจากเยื่อไม้เนื้อแข็ง เช่น ต้นสน ผ่านกระบวนการคราฟท์ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นใยกระดาษ

3. กระดาษคราฟท์ รักษ์โลกยังไง?

กระดาษคราฟท์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะสามารถรีไซเคิลได้ ย่อยสลายตามธรรมชาติในเวลา 2-6 สัปดาห์ และช่วยลดการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

4. ข้อดีของกระดาษคราฟท์คืออะไร?

กระดาษคราฟท์มีข้อดีหลายอย่าง เช่น มีความแข็งแรงสูง สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พิมพ์ลวดลายได้ง่าย และมีราคาที่คุ้มค่า

5. กระดาษคราฟท์ ใช้เวลาย่อยสลายกี่วัน?

กระดาษคราฟท์สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติภายใน 2-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและอุณหภูมิ

6. กระดาษคราฟท์ กันน้ำได้ไหม?

โดยปกติแล้วกระดาษคราฟท์ไม่กันน้ำ แต่สามารถเคลือบสารกันน้ำเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความทนทานต่อความชื้นได้

7. กระดาษคราฟท์ปริ้นได้ไหม?

ได้ กระดาษคราฟท์สามารถพิมพ์ได้ทั้งแบบอิงค์เจ็ทและเลเซอร์ แต่เนื่องจากพื้นผิวมีความหยาบ อาจต้องเลือกหมึกและเทคนิคการพิมพ์ที่เหมาะสม

8. กระดาษคราฟท์รีไซเคิลได้หรือไม่?

ได้ กระดาษคราฟท์สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ ก่อนที่เส้นใยกระดาษจะเสื่อมสภาพ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีในการลดขยะและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม