7 ประเภทกระดาษที่มืออาชีพเลือกใช้ พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับงานพิมพ์

7 ประเภทกระดาษที่มืออาชีพเลือกใช้ พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับงานพิมพ์

รู้จัก 7 ประเภทกระดาษยอดนิยม พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ เลือกแบบไหนให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดูมืออาชีพ

การเลือกกระดาษไม่ใช่แค่เรื่องของ “ความหนา” หรือ “ดูดีแค่ภายนอก” แต่มันคือเบื้องหลังของงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ที่เปลี่ยนความธรรมดาให้กลายเป็นมืออาชีพ กระดาษที่ดีสามารถทำให้สินค้าดูพรีเมียม ภาพพิมพ์คมชัด และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้ทันที

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 7 ประเภทกระดาษที่มืออาชีพเลือกใช้จริง เจาะลึกประเภทกระดาษ งานพิมพ์ และ ประเภทกระดาษ บรรจุภัณฑ์ ที่นิยมใช้จริงในอุตสาหกรรม พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้คุณเลือกใช้กระดาษได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะกำลังจะพิมพ์ใบปลิว กล่องสินค้า หรือถุงกระดาษ นี่คือคู่มือที่ตอบทุกคำถามแบบเข้าใจง่ายในหน้าเดียว

กระดาษมีกี่ประเภท? แบ่งตามการใช้งานได้อย่างไร?

กระดาษถูกออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เราสามารถแบ่ง “ประเภทกระดาษ” ออกได้ตามลักษณะการใช้งาน ดังนี้

1. สำหรับงานพิมพ์ทั่วไป

  • เหมาะกับ : ใบปลิว โบรชัวร์ หนังสือ แผ่นพับ
  • ใช้กระดาษ : ปอนด์ , อาร์ตมัน , ถนอมสายตา
  • จุดเด่น : พิมพ์ง่าย สีชัด อ่านสบาย

2. สำหรับบรรจุภัณฑ์และกล่องสินค้า

  • เหมาะกับ : กล่องอาหาร กล่องครีม กล่องของใช้
  • ใช้กระดาษ : อาร์ตการ์ด , กล่องแป้ง , ลูกฟูก , คราฟท์
  • จุดเด่น: หนา แข็งแรง พิมพ์สวย

3. สำหรับงานพรีเมียม

  • เหมาะกับ : กล่องนาฬิกา , ปฏิทินตั้งโต๊ะ , นามบัตรพรีเมียม
  • ใช้กระดาษ: จั่วปัง , แฟนซี , ฟอยล์
  • จุดเด่น : หรูหรา สร้างความรู้สึกพิเศษ
ประเภทกระดาษยอดนิยม เช่น กระดาษคราฟท์ ปอนด์ อาร์ตมัน อาร์ตการ์ด กล่องแป้ง ลูกฟูก และจั่วปัง พร้อมตัวอย่างการใช้งาน

รู้จัก 7 ประเภทกระดาษยอดนิยมที่มืออาชีพเลือกใช้

ในสายการพิมพ์และผลิตบรรจุภัณฑ์ กระดาษที่เลือกใช้ไม่เพียงแต่ต้อง “พิมพ์ออกมาสวย” แต่ยังต้องตอบโจทย์ทั้งด้านความแข็งแรง ความคุ้มค่า และความเหมาะสมกับสินค้าและแบรนด์

จากประสบการณ์ของเราในการผลิตกล่องและงานพิมพ์หลากหลายประเภท ต่อไปนี้คือ 7 ชนิดกระดาษที่ถูกเลือกใช้บ่อยที่สุดในอุตสาหกรรม พร้อมข้อมูลการใช้งานจริง

1. กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)

  • เหมาะกับ : กล่องแนว Eco , ถุงช้อปปิ้ง , กล่องสบู่ , สินค้าธรรมชาติ
  • คุณสมบัติเด่น : เนื้อกระดาษสีน้ำตาลเข้มหรืออ่อน มีความเหนียว แข็งแรง รีไซเคิลได้
  • ความหนาที่เราใช้จริง : 300g , 350g , 375g , 450g
  • จุดเด่นจากการผลิตจริง : ทนความชื้นได้ดี พิมพ์สีเข้มชัดเจนในสไตล์เรียบง่าย

ถ้าคุณกำลังมองหากระดาษที่ทั้งแข็งแรงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระดาษคราฟท์อาจเป็นคำตอบที่คุณต้องการ 

→ ลองดู กระดาษคราฟท์ คืออะไร? เหมาะกับงานแบบไหน? เพื่อเข้าใจลึกกว่านั้น

2. กระดาษอาร์ตมัน (Art Paper)

  • เหมาะกับ : ใบปลิว , โบรชัวร์ , แคตตาล็อก , แผ่นพับ
  • คุณสมบัติเด่น : ผิวเรียบมัน สีพิมพ์สดใส เหมาะกับงานที่เน้นภาพละเอียด
  • ความหนาที่เราใช้จริง : 130g , 160g
  • ข้อควรระวัง : ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงมาก เช่น กล่อง

สำหรับงานที่เน้นความเงา สีสด และคมชัด เช่น ใบปลิวหรือโบรชัวร์ กระดาษอาร์ตมันถือเป็นตัวเลือกยอดนิยม ถ้ายังสงสัยว่า 

อาร์ตมันคืออะไร ใช้กับงานพิมพ์แบบไหน บทความนี้มีคำตอบ

3. กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Card)

  • เหมาะกับ : กล่องเครื่องสำอาง , กล่องแบรนด์สินค้า , กล่องครีม
  • คุณสมบัติเด่น : หนา ผิวมันเงา เหมาะกับงานพิมพ์สีเข้ม เคลือบด้านหรือเงาได้
  • ความหนาที่เราใช้จริง : 260g , 300g , 350g , 400g
  • ข้อดีจากประสบการณ์ผลิต : ให้ภาพพิมพ์คมชัด เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการความหรูหรา

หากคุณต้องการพิมพ์กล่องแบรนด์ที่ดูหรูหรา พรีเมียม และรองรับงานเคลือบพิเศษได้ดี กระดาษอาร์ตการ์ด 300g–400g คือตัวเลือกที่ใช่

→ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาร์ตการ์ดคืออะไร พร้อมเทคนิคการเลือก

4. กระดาษกล่องแป้ง (หลังขาว / หลังเทา)

  • เหมาะกับ : กล่องอาหาร , กล่องขนม , กล่องเวชภัณฑ์
  • คุณสมบัติเด่น : น้ำหนักเบา ราคาประหยัด ผิวด้านหน้าเหมาะสำหรับพิมพ์สี
  • ความหนาที่เราใช้จริง : 300g , 350g , 400g , 450g
  • เลือกแบบไหนดี?
    • หลังขาว → พิมพ์ได้ทั้ง 2 ด้าน เหมาะกับงานพรีเมียม
    • หลังเทา → ราคาถูกกว่า พิมพ์เฉพาะด้านหน้า

ในสายการผลิตบรรจุภัณฑ์ กล่องแป้งทั้งแบบหลังขาวและหลังเทายังเป็นที่นิยม เพราะราคาไม่แรงและใช้งานได้หลากหลาย ถ้าคุณยังเลือกไม่ถูกระหว่างสองแบบนี้ ลองดู ข้อแตกต่างของกล่องแป้งหลังขาว vs หลังเทา

5. กระดาษลูกฟูก (Corrugated Paper)

  • เหมาะกับ : กล่องพัสดุ , กล่องสินค้าหนัก , กล่องจัดส่ง
  • คุณสมบัติเด่น : รองรับแรงกระแทก มีหลายชั้น (3 ชั้น , 5 ชั้น)
  • ที่เราใช้จริง : เลือกใช้ตามประเภทสินค้า – แบบลอน E , B หรือ C ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและการขนส่ง
  • ข้อได้เปรียบ : พิมพ์ได้ด้วยระบบพิมพ์ Flexo หรือพิมพ์แปะลามิเนตอาร์ตมัน

สำหรับสินค้าที่ต้องส่งพัสดุ หรือมีน้ำหนักมาก กระดาษลูกฟูกถือเป็นตัวเลือกมาตรฐานที่ช่วยลดแรงกระแทกได้ดี

→ ดูรายละเอียด ประเภทกระดาษลูกฟูกและวิธีเลือกให้เหมาะกับสินค้า

6. กระดาษจั่วปัง (Rigid Board)

  • เหมาะกับ : กล่องของขวัญ , กล่องเครื่องสำอางลักซ์ชัวรี่ , กล่องจิวเวลรี่
  • คุณสมบัติเด่น : หนา แข็งแรง ทนแรงกดได้ดี ใช้หุ้มด้วยกระดาษอื่น (เช่น อาร์ตมัน)
  • ที่เราใช้จริง : กระดาษจั่วปังหนา 1.5 – 2.5 mm หุ้มด้วยอาร์ตมัน 160 แกรม
  • ผลลัพธ์ : งานดูพรีเมียมระดับ Hi-End เพิ่มมูลค่าสินค้าได้ชัดเจน

ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “ความรู้สึกระดับพรีเมียม” ในกล่องของขวัญหรือกล่องเครื่องสำอาง กระดาษจั่วปังคือวัสดุที่คุณควรรู้จัก

→ ทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ที่ กระดาษจั่วปังคืออะไร? พร้อมตัวอย่างงานจริง

7. กระดาษปอนด์ (Bond Paper)

  • เหมาะกับ : คู่มือสินค้า , เอกสารภายใน , หนังสือพิมพ์
  • คุณสมบัติเด่น : ผิวเรียบ ด้าน อ่านง่าย เหมาะกับการพิมพ์ตัวหนังสือ
  • ความหนาที่เราใช้จริง : 80g , 100g , 120g
  • เพิ่มเติม : สามารถพิมพ์สีได้ แต่ไม่เหมาะกับภาพความละเอียดสูง

แม้จะดูธรรมดา แต่กระดาษปอนด์ยังคงเป็นกระดาษยอดนิยมในงานเอกสาร หนังสือ หรือคู่มือ เพราะพิมพ์ง่ายและอ่านสบายตา

→ อ่านต่อเกี่ยวกับ การใช้งานกระดาษปอนด์ให้เหมาะกับงานพิมพ์ของคุณ

กระดาษเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ชนิดที่แนะนำ” เท่านั้น แต่เป็น กระดาษที่เราใช้จริง ในการผลิตงานให้กับลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม ทั้งอาหาร , ความงาม , สินค้าแบรนด์  ไปจนถึงของขวัญระดับพรีเมียม เราเลือกใช้ตามคุณสมบัติที่เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท เพื่อให้ได้ทั้ง “คุณภาพ” และ “ความคุ้มค่า” ที่ดีที่สุด

ตารางเปรียบเทียบกระดาษแต่ละประเภท ทั้งลักษณะพื้นผิวและการใช้งาน เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์ ใบปลิว เอกสารคู่มือ

จะเลือกกระดาษให้เหมาะกับงานยังไง?

การเลือกกระดาษไม่ใช่แค่เรื่องสเปกบนกระดาษ แต่คือกระบวนการตัดสินใจที่ผสมระหว่าง “ความสวยงาม ความแข็งแรง และความรู้สึก” ที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อสัมผัสกล่อง เปิดกล่อง หรือเห็นงานพิมพ์ครั้งแรก

ถ้าคุณทำกล่องสินค้า ต้องดูอะไรบ้าง?

ถ้าคุณกำลังเลือก ชนิดกระดาษพิมพ์กล่อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง , สกินแคร์ , กล่องขนม หรือกล่องอาหารเสริม คุณควรพิจารณาอย่างน้อย 4 เรื่องนี้ก่อนเลือกกระดาษ

  1. น้ำหนักของสินค้า
    • สินค้าหนัก → ใช้กระดาษที่ “รับแรง” ได้ดี เช่น ลูกฟูก , จั่วปัง
    • สินค้าเบา → ใช้ อาร์ตการ์ด , กล่องแป้ง ได้เพียงพอ
  2. ตำแหน่งการขายสินค้า
    • วางหน้าร้าน → เน้น “ความสวยงาม” และ ภาพลักษณ์
    • ขายออนไลน์ / ส่งไปรษณีย์ → เน้น “ความทนทาน + กันกระแทก”
  3. ความรู้สึกที่อยากให้ลูกค้าได้รับ
    • ถ้าอยากให้ลูกค้ารู้สึก “พรีเมียม” → ใช้จั่วปังหุ้มอาร์ตมัน
    • ถ้าอยากให้แบรนด์ดู Eco / Minimal → กระดาษคราฟท์ตอบโจทย์
  4. ขั้นตอนหลังพิมพ์
    • จะเคลือบด้าน/เงาไหม?
    • จะปั๊มทอง ปั๊มฟอยล์ หรือ Spot UV ไหม?
    • ถ้าใช่ → ควรเลือก อาร์ตการ์ด 300g ขึ้นไป เพื่อรองรับงานหลังพิมพ์

อยากได้ภาพพิมพ์คมชัด ควรใช้แบบไหน?

คำถามนี้มักเกิดกับงานที่เน้น “ความละเอียดของภาพ” เช่น แพ็กเกจจิ้งแบรนด์ , แคตตาล็อก หรือฉลากสินค้า

ลักษณะภาพกระดาษที่เหมาะเหตุผล
ภาพสีสันสดใส / ภาพถ่ายอาร์ตมัน 130g–160gผิวมันสะท้อนแสง สีคมชัด
ภาพสินค้าคู่กับข้อความเยอะอาร์ตการ์ด 260g–350gสีดี + รองรับข้อความคม
ภาพแนวธรรมชาติ / แนวมินิมอลกระดาษคราฟท์ให้ฟีลดิบ เท่ ดูจริงใจ
ภาพพื้นขาว ตัวหนังสือเยอะกระดาษปอนด์อ่านง่าย ไม่สะท้อนแสง

จากประสบการณ์ผลิตจริง

กระดาษ อาร์ตการ์ด 350g + เคลือบด้าน ให้ทั้งความคม + พรีเมียมที่สุดในการพิมพ์กล่องแบรนด์

เปรียบเทียบความหนาที่ใช้บ่อย (หน่วย g/m²)

การเลือกความหนากระดาษ(แกรม) ต้องดูว่า “กล่องหรืองานพิมพ์นั้นๆ” ต้องรับแรงมากน้อยแค่ไหน และอยู่ในบริบทอะไร เช่น พับบ่อยไหม? เคลือบหรือไม่?

ประเภทกระดาษแกรมที่นิยมใช้เหมาะกับงาน
อาร์ตมัน130g / 160gใบปลิว โบรชัวร์ แคตตาล็อก
อาร์ตการ์ด260g / 300g / 350g / 400gกล่องแบรนด์ กล่องครีม
กล่องแป้ง (หลังขาว/เทา)300g – 450gกล่องอาหาร ขนม ยา
คราฟท์300g / 350g / 375g / 450gกล่องแนวธรรมชาติ ถุงช้อปปิ้ง
ลูกฟูก3 ชั้น / 5 ชั้น (ลอน E, B, C)กล่องขนส่ง กล่องหนัก
จั่วปัง1.5mm – 2.5mmกล่องพรีเมียม กล่องของขวัญ
ปอนด์80g / 100g / 120gเอกสาร คู่มือ หนังสือ

หมายเหตุจากสายการผลิต

อาร์ตการ์ด 350g / กล่องแป้ง 400g / จั่วปัง 2.0mm คือ 3 ไซส์ขายดีที่เราใช้บ่อยที่สุดในการผลิตกล่องพรีเมียม

สรุป

การเลือกประเภทกระดาษให้เหมาะกับงาน ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการลงทุนด้าน “คุณภาพ” และ “ภาพลักษณ์ของแบรนด์” ที่สะท้อนออกไปสู่ลูกค้าโดยตรง กระดาษแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ทั้งด้านความสวยงาม ความทนทาน และผลลัพธ์การพิมพ์ การเข้าใจความแตกต่างอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้คุณเลือกได้ตรงจุด และลดความเสี่ยงจากการเลือกผิดที่อาจทำให้งานเสียหายหรือเสียต้นทุนโดยไม่จำเป็น

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะใช้กระดาษชนิดใด หรือกำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบกล่อง/งานพิมพ์ครั้งแรก การปรึกษากับทีมที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตจริงจะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะเราไม่ได้แค่รู้ว่า “กระดาษมีกี่แบบ” — แต่เราใช้มันจริงทุกวันในสายการผลิต เพื่อให้แบรนด์ของลูกค้าออกมาอย่างมืออาชีพที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกียวกับประเภทกระดาษ (FAQ)

กระดาษมีกี่ประเภทที่นิยมใช้ในงานพิมพ์?

กระดาษที่นิยมใช้มี 7 ประเภทหลัก ได้แก่ กระดาษคราฟท์, อาร์ตมัน, อาร์ตการ์ด, กล่องแป้ง, ลูกฟูก, จั่วปัง และกระดาษปอนด์ ซึ่งแต่ละชนิดเหมาะกับงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ต่างกัน

จะเลือกกระดาษให้เหมาะกับกล่องสินค้าได้อย่างไร?

ควรพิจารณาน้ำหนักสินค้า , ภาพลักษณ์แบรนด์ , ตำแหน่งขาย และกระบวนการหลังพิมพ์ เช่น หากต้องการงานพรีเมียมให้เลือกจั่วปังหรืออาร์ตการ์ด

เลือกกระดาษแบบไหนให้ภาพพิมพ์คมชัด?

กระดาษอาร์ตมันและอาร์ตการ์ดให้ภาพพิมพ์คมชัด สีสด เหมาะกับงานที่เน้นรายละเอียด โดยอาร์ตการ์ดให้ความแข็งแรงมากกว่า