กระดาษลูกฟูก คืออะไร รู้จักประเภท ประโยชน์ การใช้งานแบบเข้าใจง่าย

กระดาษลูกฟูก คืออะไร รู้จักประเภท ประโยชน์ การใช้งานแบบเข้าใจง่าย

อยากรู้ว่ากระดาษลูกฟูก คืออะไร? บทความนี้สรุปประเภท ประโยชน์ และการใช้งาน พร้อมไอเดีย DIY เข้าใจง่ายใน 5 นาที!

กระดาษลูกฟูก (Corrugated Paper) เป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเราอาจพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นกล่องพัสดุ กล่องสินค้า หรือแม้แต่งานประดิษฐ์จากกระดาษ แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ากระดาษลูกฟูกนั้นมีหลายประเภท และมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป

บทความนี้จะอธิบายทุกเรื่องเกี่ยวกับกระดาษลูกฟูกแบบเข้าใจง่าย ครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์อย่างเหมาะสม

กระดาษลูกฟูก คืออะไร

กระดาษลูกฟูก คือ กระดาษชนิดพิเศษที่ประกอบด้วยกระดาษสองประเภท ได้แก่ กระดาษลอน (Fluting Medium) และกระดาษเรียบ (Linerboard) ซึ่งนำมาประกบกันเป็นชั้นๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และการรองรับแรงกระแทก

โดยทั่วไปจะมีทั้งแบบสองชั้น สามชั้น และห้าชั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เช่น บรรจุภัณฑ์ทั่วไป บรรจุสินค้าน้ำหนักมาก หรือใช้ในงานตกแต่ง

โครงสร้างของกระดาษลูกฟูก

กระดาษลูกฟูกมีโครงสร้างพื้นฐานที่ประกอบด้วย ชั้นของกระดาษสองประเภทหลัก ได้แก่

  1. กระดาษลอน (Fluting Medium) เป็นกระดาษที่ถูกรีดให้เป็นลอนเว้าโค้งเหมือนคลื่น เพื่อทำหน้าที่รองรับแรงกด แรงกระแทก และช่วยกระจายแรงในแนวตั้ง-แนวนอน ทำให้วัสดุที่อยู่ภายในกล่องได้รับการปกป้องจากแรงกระทบภายนอก
  2. กระดาษเรียบ (Linerboard) เป็นกระดาษแผ่นเรียบที่นำมาประกบกับกระดาษลอน โดยอยู่ทั้งด้านนอกและด้านในของกระดาษลูกฟูก ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงและสร้างความเรียบร้อยให้กับพื้นผิวภายนอกของกล่อง

รูปแบบโครงสร้างตามจำนวนชั้น

กระดาษลูกฟูกสามารถจัดเรียงโครงสร้างได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงที่ต้องการในการใช้งาน เช่น

  • กระดาษลูกฟูก 2 ชั้น (Single Face) ประกอบด้วย 1 ชั้นลอน + 1 ชั้นเรียบ เหมาะสำหรับห่อของ กันกระแทก หรือใช้ในงานตกแต่งภายใน
  • กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น (Single Wall) ประกอบด้วย 1 ลอนอยู่ระหว่างกระดาษเรียบ 2 ชั้น เป็นโครงสร้างที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้สำหรับทำกล่องพัสดุทั่วไป หรือกล่องสินค้าน้ำหนักเบาถึงปานกลาง
  • กระดาษลูกฟูก 5 ชั้น (Double Wall) ประกอบด้วยลอน 2 ชั้น สลับกับกระดาษเรียบ 3 ชั้น มีความแข็งแรงสูง เหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น กล่องอุตสาหกรรมหรือกล่องใส่สินค้าเปราะบาง
  • กระดาษลูกฟูก 7 ชั้น (Triple Wall) ประกอบด้วยลอน 3 ชั้น และกระดาษเรียบ 4 ชั้น ใช้ในงานที่ต้องการความทนทานสูงมาก เช่น บรรจุภัณฑ์สินค้าอุตสาหกรรมหนัก หรืองานส่งออก
โครงสร้างกระดาษลูกฟูกประกอบด้วยชั้นลอนกระดาษและไลน์เนอร์บอร์ด แสดงการเรียงตัวของวัสดุภายใน

กระดาษลูกฟูกทำมาจากอะไร?

วัสดุหลักในการผลิตกระดาษลูกฟูกคือ กระดาษคราฟต์ (Kraft Paper) ผลิตจากเยื่อไม้ธรรมชาติหรือเยื่อรีไซเคิล ชนิดของกระดาษที่ใช้ผลิตกระดาษลูกฟูก ขึ้นอยู่กับบทบาทของกระดาษในโครงสร้าง ได้แก่ กระดาษทำผิวกล่อง และกระดาษทำลอนลูกฟูก โดยแต่ละชนิดจะมี “น้ำหนักมาตรฐาน (แกรมต่อตารางเมตร)” แตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงของกล่องโดยตรง

1. กระดาษสำหรับทำผิวกล่อง (Linerboard)

กระดาษกลุ่มนี้ใช้เป็นผิวด้านนอกและด้านในของกระดาษลูกฟูก มีหน้าที่ป้องกันแรงกระแทก และเป็นพื้นผิวสำหรับงานพิมพ์หรือสร้างแบรนด์

ประเภทกระดาษรายละเอียดน้ำหนักมาตรฐาน (แกรม/ตร.ม.)
KS (Kraft Strong)กระดาษคราฟต์สีน้ำตาลเข้ม แข็งแรงมาก140, 170
KW (Kraft White)กระดาษคราฟต์สีขาว เหมาะกับงานพิมพ์140, 170
WK (White Kraft)หน้าขาว หลังน้ำตาล ผสมคุณสมบัติของ KS + KW140, 170
KA (Kraft A)กระดาษคราฟต์เกรดกลาง เหนียวพอเหมาะ ราคาประหยัด125, 150, 185, 230
KI (Kraft Imitation)กระดาษคราฟต์เกรดเลียนแบบ เหมาะกับกล่องเบา125, 150, 185

2. กระดาษสำหรับทำลอนลูกฟูก (Corrugating Medium)

กระดาษกลุ่มนี้ใช้ทำเป็นลอนลูกฟูกที่อยู่ชั้นกลางของแผ่นกระดาษ ช่วยรองรับแรงกด แรงกระแทก และช่วยให้กล่องคืนรูปได้ดี

ประเภทกระดาษรายละเอียดน้ำหนักมาตรฐาน (แกรม/ตร.ม.)
CM (Corrugating Medium)กระดาษทำลอนมาตรฐาน เหนียว ยืดหยุ่น105, 115, 125
CA (Corrugating Alternative)กระดาษลอนชนิดประหยัด สำหรับงานทั่วไป105, 115, 125

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

  • ยิ่งน้ำหนักกระดาษสูง กล่องจะยิ่งแข็งแรง แต่ก็น้ำหนักมากขึ้น และราคาสูงขึ้น
  • ควรเลือกให้เหมาะกับน้ำหนักและลักษณะสินค้า เช่น กล่องสินค้าทั่วไปสามารถใช้ KA หรือ KI ได้ แต่กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าแนะนำใช้ KS
  • ในกล่องหนึ่งใบ อาจใช้กระดาษหลายชนิดผสมกัน เช่น ผิวใช้ KW (เพื่อความสวยงาม) ลอนใช้ CM (เพื่อความทนทาน)

ประเภทของลอนลูกฟูก (Flute Type)

ลอนลูกฟูก (Flute) เป็นส่วนสำคัญที่อยู่ตรงกลางระหว่างกระดาษเรียบทั้งสองด้าน ทำหน้าที่รองรับแรงกด แรงกระแทก และให้ความยืดหยุ่นกับวัสดุ โดยแต่ละประเภทของลอนจะมีความสูง ความหนา และคุณสมบัติที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน

ประเภทลอนลักษณะโครงสร้างความหนาโดยประมาณจุดเด่นเหมาะสำหรับ
ลอน Aเป็นลอนขนาดใหญ่ที่สุด มีลักษณะโค้งสูง4.5–5.0 มม.รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยมกล่องที่ต้องการปกป้องสินค้าอย่างมาก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า
ลอน Bลอนขนาดเล็ก ความสูงน้อยกว่าลอน A2.2–3.0 มม.โครงสร้างแน่น แข็งแรง ทนแรงกดกล่องสินค้าทั่วไปในอุตสาหกรรม
ลอน Cขนาดลอนอยู่ระหว่าง A และ B3.5–4.0 มม.สมดุลทั้งความแข็งแรงและการป้องกันกล่องสำหรับเฟอร์นิเจอร์ และสินค้าขนาดกลาง
ลอน Eลอนละเอียดมาก ผิวเรียบ น้ำหนักเบา1.0–1.8 มม.เหมาะกับงานพิมพ์และดีไซน์กล่องไดคัท กล่องสินค้าพรีเมียม
ลอน BCเป็นการผสานระหว่างลอน B และ C ในแผ่นเดียวประมาณ 6.5–7.0 มม.แข็งแรงพิเศษ รองรับน้ำหนักได้สูงกล่องสินค้าหนัก หรือสินค้าส่งออกต่างประเทศ

หมายเหตุเพิ่มเติม

  • ลอน A จะมีปริมาตรของอากาศในโครงสร้างมาก ทำให้ช่วยกันกระแทกได้ดี แต่มีความหนาและใช้พื้นที่จัดเก็บมากกว่า
  • ลอน E และ F มักใช้ในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก หรือสินค้าที่ต้องการภาพลักษณ์ทางแบรนด์ เพราะให้ความเรียบเนียนในการพิมพ์
  • ลอน BC เป็นที่นิยมในธุรกิจอุตสาหกรรมหรือโลจิสติกส์ที่ต้องการกล่องขนาดใหญ่และแข็งแรงมากเป็นพิเศษ

ลูกฟูกลอน B นิยมใช้กับกล่องสินค้าหนัก ส่วนลอน E เหมาะกับกล่องขนาดเล็ก ถ้าคุณต้องการทำกล่องที่ดูหรูแต่ยังแข็งแรง ให้ดูทางเลือกของ กระดาษจั่วปัง ซึ่งแม้ไม่รองรับแรงกระแทกมาก แต่ให้ภาพลักษณ์ระดับ Hi-End

เปรียบเทียบลอนกระดาษลูกฟูกประเภทต่างๆ เช่น ลอน A, B, C, E, F ใช้ในงานบรรจุภัณฑ์ต่างระดับ

คุณสมบัติของกระดาษลูกฟูก

กระดาษลูกฟูกมีคุณสมบัติเด่นหลายประการที่ทำให้เหมาะกับการใช้งานในด้านบรรจุภัณฑ์ งานอุตสาหกรรม และงานประดิษฐ์ต่างๆ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ไม่ได้มีอยู่ในกระดาษทั่วไป โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

1. แข็งแรงและทนต่อแรงกระแทก

โครงสร้างลอนของกระดาษลูกฟูกช่วยดูดซับแรงกดทับ แรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน ทำให้สินค้าภายในปลอดภัยแม้ในระหว่างการขนส่ง

2. น้ำหนักเบา

แม้จะมีความแข็งแรงสูง แต่กระดาษลูกฟูกมีน้ำหนักเบากว่าวัสดุบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น เช่น ไม้หรือพลาสติก ช่วยลดต้นทุนด้านค่าขนส่งและประหยัดพลังงานในการขนย้าย

3. ปรับขนาดและรูปทรงได้หลากหลาย

สามารถผลิตเป็นกล่องได้หลายขนาด หรือขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์เฉพาะสินค้าแต่ละประเภท เช่น กล่องไดคัท กล่องฝาชน กล่องฝาเกย

4. พิมพ์ลวดลายและแบรนดิ้งได้

พื้นผิวของกระดาษลูกฟูกสามารถพิมพ์ลวดลาย โลโก้ หรือข้อความได้ดี โดยเฉพาะเมื่อนำไปเคลือบหรือใช้ร่วมกับกระดาษเรียบคุณภาพสูง เหมาะสำหรับกล่องสินค้าเชิงพาณิชย์

5. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กระดาษลูกฟูกส่วนใหญ่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง ช่วยลดขยะและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

6. ต้นทุนการผลิตต่ำ

เมื่อเทียบกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่น กระดาษลูกฟูกถือว่ามีต้นทุนต่ำ ทั้งในด้านวัสดุ กระบวนการผลิต และค่าขนส่ง

7. กันความชื้นได้ในระดับหนึ่ง (เมื่อผ่านการเคลือบ)

กระดาษลูกฟูกสามารถกันความชื้นหรือของเหลวได้ หากผ่านการเคลือบด้วยสารกันน้ำ หรือใช้กระดาษเรียบชนิดพิเศษในการผลิต

สำหรับผู้ที่ต้องเลือกกระดาษกล่องอย่างแม่นยำ ควรรู้จักวัสดุอื่นๆ ด้วย

→ อ่าน คู่มือสรุปประเภทกระดาษทุกชนิด เพื่อเปรียบเทียบแต่ละแบบ

ประโยชน์ของกระดาษลูกฟูก

กระดาษลูกฟูกไม่ได้เป็นเพียงวัสดุที่ใช้ทำกล่องเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในหลายรูปแบบ ทั้งในภาคธุรกิจ งานอุตสาหกรรม ไปจนถึงงานศิลปะหรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน ดังนี้

1. ใช้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท

กระดาษลูกฟูกเป็นวัสดุหลักในการทำกล่องสินค้า กล่องไปรษณีย์ กล่องขนส่ง และกล่องบรรจุภัณ์ต่างๆ ด้วยความแข็งแรงและน้ำหนักเบา จึงช่วยปกป้องสินค้าและประหยัดต้นทุนการขนส่ง

2. ป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง

คุณสมบัติกันกระแทกของกระดาษลอนช่วยลดความเสียหายของสินค้าได้ดี โดยเฉพาะสินค้าเปราะบาง เช่น แก้ว เซรามิก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

3. ใช้เป็นวัสดุบรรจุสินค้าหรือรองสินค้า

นอกจากทำเป็นกล่องแล้ว กระดาษลูกฟูกแบบม้วนยังนิยมนำมาใช้ห่อหุ้มสินค้า แทรกระหว่างชั้นสินค้า หรือรองก้นกล่อง เพื่อเพิ่มความหนาแน่นและกันกระแทก

4. ใช้ในงานออกแบบและโฆษณา

สามารถพิมพ์ลาย ขึ้นรูป หรือทำเป็น Display สินค้า ป้ายโชว์ บอร์ดจัดแสดงสินค้า รวมถึงใช้ในการจัดบูธแสดงงานได้อย่างสร้างสรรค์

5. ใช้ในงานศิลปะและงานประดิษฐ์ (DIY)

กระดาษลูกฟูกสามารถนำไปสร้างเป็นของเล่น ของตกแต่งบ้าน ฉากถ่ายรูป เฟอร์นิเจอร์จำลอง หรือแม้แต่โมเดลจำลองสำหรับการศึกษา เพราะสามารถตัด พับ และประกอบได้ง่าย

6. ใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรและโลจิสติกส์

กล่องกระดาษลูกฟูกถูกใช้แพร่หลายในอุตสาหกรรมเกษตร เช่น กล่องใส่ผลไม้สด ผัก หรือสินค้าส่งออก โดยเน้นเรื่องระบายอากาศ น้ำหนักเบา และสะดวกต่อการจัดเก็บ

7. ส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ในด้านความยั่งยืน

ธุรกิจที่หันมาใช้กระดาษลูกฟูกแทนวัสดุพลาสติกมักจะได้รับการมองว่าใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างความประทับใจแก่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

การเลือกกระดาษลูกฟูกให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกกระดาษลูกฟูกให้เหมาะสม ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับขนาดของกล่องหรือราคาวัสดุเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงประเภทของสินค้า น้ำหนัก ความเปราะบาง การขนส่ง และภาพลักษณ์ของสินค้า โดยทั่วไปสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยหลักๆ ต่อไปนี้

1. พิจารณาตาม น้ำหนักของสินค้า

น้ำหนักสินค้าแนะนำโครงสร้างประเภทลอนที่เหมาะสม
น้ำหนักเบา (ไม่เกิน 1 กก.)กระดาษลูกฟูก 3 ชั้นลอน B หรือ E
น้ำหนักปานกลาง (1–10 กก.)กระดาษลูกฟูก 3–5 ชั้นลอน C หรือ BC
น้ำหนักมาก (10 กก. ขึ้นไป)กระดาษลูกฟูก 5–7 ชั้นลอน BC หรือ AC

2. พิจารณาตาม ความเปราะบางของสินค้า

  • สินค้าที่เปราะบาง เช่น แก้ว เซรามิก ควรเลือกกระดาษลูกฟูกที่มีลอนขนาดใหญ่ เช่น ลอน A หรือ C เพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น
  • สินค้าทั่วไปที่ไม่แตกหักง่าย สามารถใช้ลอน B หรือ E ซึ่งเน้นความกระชับและความประหยัดพื้นที่

3. พิจารณาตาม ลักษณะการจัดส่ง

  • จัดส่งทางไกล / ขนส่งหลายรอบ / ผ่านระบบขนส่งสาธารณะ เลือกโครงสร้างที่หนา เช่น กระดาษลูกฟูก 5 ชั้น หรือใช้ลอน BC เพื่อรองรับแรงกระแทกระหว่างการเคลื่อนย้าย
  • จัดส่งในพื้นที่ใกล้ / ส่งถึงมือโดยตรง สามารถเลือกใช้กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ซึ่งประหยัดต้นทุนและยังคงให้ความแข็งแรงในระดับหนึ่ง

4. พิจารณาตาม ลักษณะของบรรจุภัณฑ์และแบรนด์

  • สินค้าเพื่อการแสดงภาพลักษณ์ / Premium Packaging ควรเลือกใช้ลอน E หรือ F ที่ให้ผิวเรียบ สวยงาม เหมาะกับการพิมพ์โลโก้หรือกราฟิก
  • สินค้าอุตสาหกรรม หรือสินค้าราคาย่อมเยา อาจเน้นความทนทานมากกว่าความสวยงาม เช่น ใช้ลอน B หรือ C

5. พิจารณาจาก ต้นทุนและปริมาณการผลิต

  • หากต้องการผลิตจำนวนมาก ควรเลือกกระดาษลูกฟูกที่มีโครงสร้างมาตรฐาน เช่น 3 ชั้นลอน C ซึ่งมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่า
  • หากเป็นงานสั่งผลิตเฉพาะ เช่น กล่องสินค้าใหม่ หรือผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม ควรเลือกโครงสร้างที่เหมาะกับการสั่งผลิตจำนวนน้อย เช่น ลอน E แบบไดคัท

ขนาดมาตรฐานของกระดาษลูกฟูก

การเลือกขนาดของกระดาษลูกฟูกที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้พอดีกับสินค้า ประหยัดวัสดุ และสะดวกต่อการผลิตในระบบอุตสาหกรรม ซึ่งโดยทั่วไปกระดาษลูกฟูกมีให้เลือกทั้งแบบ แผ่น และ ม้วน ตามลักษณะการใช้งาน

1. ขนาดมาตรฐานกระดาษลูกฟูกแบบแผ่น (Sheet)

กระดาษลูกฟูกแบบแผ่นมักใช้สำหรับการผลิตกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ที่ต้องมีการขึ้นรูปตามขนาดเฉพาะ โดยมีขนาดที่นิยมในท้องตลาด ดังนี้

ขนาดมาตรฐาน (กว้าง x ยาว)หน่วยหมายเหตุ
120 x 240 ซม.เซนติเมตรขนาดมาตรฐานสำหรับโรงงานผลิต
100 x 200 ซม.เซนติเมตรใช้งานทั่วไป ประหยัดพื้นที่
80 x 120 ซม.เซนติเมตรใช้ทำกล่องขนาดกลาง-เล็ก
สั่งตัดตามแบบกำหนดเองสำหรับงานเฉพาะทางหรือ OEM

หมายเหตุ : ความหนาของกระดาษจะแตกต่างกันตามประเภทลอน (เช่น ลอน B หนาประมาณ 3 มม. , ลอน C หนาประมาณ 4 มม.)

2. ขนาดมาตรฐานกระดาษลูกฟูกแบบม้วน (Roll)

กระดาษลูกฟูกแบบม้วนมักใช้ในงานห่อหุ้ม กันกระแทก หรือรองสินค้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้กระดาษลูกฟูกในปริมาณมาก และต้องการความยืดหยุ่นในการตัดตามความยาว

ความกว้างความยาวประเภทลอน
1.0 เมตร100 เมตรลอน B หรือ E
1.2 เมตร100 เมตรลอน B หรือ C
0.9 เมตร50 เมตรลอน E (บางพิเศษ)

ข้อดีของกระดาษลูกฟูกแบบม้วน

  • ตัดได้ตามขนาดที่ต้องการ
  • ใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องต่อแผ่น
  • เหมาะสำหรับห่อของ หุ้มมุม หรือแทรกในชั้นสินค้า

3. ขนาดที่นิยมสำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์

ในอุตสาหกรรมผลิตกล่อง กระดาษลูกฟูกจะถูกตัดและพับตามแบบพิมพ์ ซึ่งมีขนาดที่ใช้กันบ่อย เช่น

  • กล่องฝาชน ขนาด 20x30x15 ซม.
  • กล่องไปรษณีย์ไปรษณีย์ไทย ขนาด S , M , L
  • กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า ขนาด 60x60x60 ซม. ขึ้นไป
  • กล่องผลไม้ส่งออก ขนาด 45x65x30 ซม.

ข้อควรรู้ก่อนสั่งซื้อกระดาษลูกฟูก

  • หากใช้เพื่อผลิตกล่อง ควรสอบถามกับโรงงานเกี่ยวกับขนาดกระดาษที่รองรับการพิมพ์และไดคัท
  • ควรเผื่อขนาดสำหรับการพับและขึ้นรูปอย่างน้อย 2–3 ซม. ต่อด้าน
  • ตรวจสอบประเภทลอนที่เหมาะกับสินค้า เพื่อคำนวณความหนารวมของกล่อง

กระดาษลูกฟูก ทําอะไรได้บ้าง

กระดาษลูกฟูกเป็นวัสดุที่ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำกล่องพัสดุหรือบรรจุภัณฑ์สินค้าเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งเชิงพาณิชย์ เชิงสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรม

1. บรรจุภัณฑ์และการขนส่งสินค้า

  • กล่องไปรษณีย์/กล่องพัสดุ ใช้กันอย่างแพร่หลายในธุรกิจ E-commerce และงานจัดส่งทั่วไป ด้วยความแข็งแรงและต้นทุนต่ำ
  • กล่องบรรจุสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น กล่องขนม กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กล่องเครื่องสำอาง โดยสามารถออกแบบให้เข้ากับแบรนด์ได้
  • กล่องใส่ผลไม้หรือผลิตภัณฑ์เกษตร กระดาษลูกฟูกชนิดหนาช่วยรับน้ำหนักและระบายอากาศได้ดี เหมาะกับการจัดส่งระยะไกล
  • กล่องส่งออกต่างประเทศ ใช้กระดาษลูกฟูกแบบ 5–7 ชั้น หรือแบบลอนผสม (เช่น BC) เพื่อเพิ่มความแข็งแรง รองรับน้ำหนักสูง

2. งานประดิษฐ์และการศึกษา

  • ของเล่น DIY สำหรับเด็ก เช่น โมเดลบ้าน รถยนต์ กระดานกิจกรรม เพราะกระดาษลูกฟูกสามารถตัดและขึ้นรูปได้ง่าย
  • สื่อการเรียนรู้ ใช้ทำแบบจำลอง 3 มิติ หรือสร้างสื่อการสอนในชั้นเรียน เช่น โครงสร้างอาคาร ระบบนิเวศ
  • งานศิลปะ / งานตกแต่งเวที นิยมใช้ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และงานอีเวนต์ เช่น ฉากเวที ป้ายโชว์ หรือพร็อพถ่ายภาพ

3. งานตกแต่งภายใน / ออกแบบเชิงสร้างสรรค์

  • เฟอร์นิเจอร์กระดาษ เช่น ชั้นวางหนังสือ โต๊ะเล็ก หรือเก้าอี้สำหรับงานแสดงสินค้า ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงแต่เบา
  • ของขวัญแฮนด์เมด / แพ็คเกจ DIY เช่น กล่องของขวัญ ป้ายแท็ก หรือกล่องใส่สินค้าแฮนด์เมดที่เน้นความเป็นธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4. การใช้งานเชิงอุตสาหกรรม

  • รองพื้นพาเลตสินค้า (Pallet Sheet) ใช้กระดาษลูกฟูกแผ่นใหญ่รองใต้สินค้าเพื่อกันลื่น ลดแรงกระแทก และจัดเรียงสินค้าง่ายขึ้น
  • บรรจุภัณฑ์เฉพาะทาง เช่น กล่องเครื่องจักร อะไหล่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องการความแข็งแรงและโครงสร้างเฉพาะ
  • วัสดุกันกระแทกภายในกล่อง ตัดกระดาษลูกฟูกให้เป็นแผ่นรอง ปลอกกันกระแทก หรือชิ้นส่วนประกบสินค้าในกล่อง

สรุป

กระดาษลูกฟูกเป็นกระดาษที่ประกอบด้วยกระดาษลอน (Fluting Medium) และกระดาษเรียบ (Linerboard) ใช้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ แข็งแรง น้ำหนักเบา และรีไซเคิลได้ เหมาะทั้งสำหรับใช้ในเชิงธุรกิจและงานประดิษฐ์ทั่วไป การทำความเข้าใจประเภทของกระดาษลูกฟูก รวมถึงโครงสร้างและลอนต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม ประหยัด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระดาษลูกฟูก (FAQ)

1. กระดาษลูกฟูกทำจากอะไร

ทำจากกระดาษคราฟต์ที่ผ่านการรีไซเคิลหรือจากเยื่อไม้ใหม่ (Virgin Kraft) แล้วนำมารีดและขึ้นรูปให้เป็นลอนก่อนนำมาประกบกับกระดาษเรียบ

2. สามารถรีไซเคิลได้หรือไม่

สามารถรีไซเคิลได้ 100% โดยต้องไม่มีการปนเปื้อนจากน้ำมันหรือสารเคมี

3. ขนาดมาตรฐานของกระดาษลูกฟูก

โดยทั่วไปมีทั้งแบบแผ่น (ขนาด 120 x 240 ซม.) และแบบม้วน (กว้าง 1 เมตร ยาว 100 เมตร)

4. ราคาประมาณเท่าไหร่

ราคากระดาษลูกฟูกเริ่มต้นตั้งแต่ 20 บาทต่อแผ่น ขึ้นอยู่กับขนาด ความหนา และปริมาณการสั่งซื้อ