7 ประเภทกระดาษที่มืออาชีพเลือกใช้ พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับงานพิมพ์
รู้จัก 7 ประเภทกระดาษยอดนิยม พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ เลือกแบบไหนให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดูมืออาชีพ
สรุปทุกเรื่องของกระดาษจั่วปัง (Chipboard) คืออะไร มีกี่เบอร์ ขนาดเท่าไร ใช้ทำกล่องอะไรบ้าง พร้อมตัวอย่างและคำแนะนำเข้าใจง่าย
ถ้าคุณกำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับ กระดาษจั่วปัง (Chipboard) แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่ากระดาษชนิดนี้คืออะไรกันแน่ ต่างจากกระดาษทั่วไปตรงไหน หรือยังลังเลอยู่ว่าจะเหมาะกับงานที่คุณต้องการทำหรือไม่ คุณมาถูกที่แล้วครับ
บทความนี้ผมตั้งใจเขียนขึ้นเพื่ออธิบายทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับกระดาษจั่วปัง แบบง่ายๆ ชัดๆ ไม่ใช้ศัพท์ยากหรือภาษาที่เข้าใจยาก เพื่อให้คุณได้รู้จักกับวัสดุชนิดนี้อย่างถูกต้องก่อนนำไปใช้งานจริง
อ่านจบแล้ว คุณจะเข้าใจเรื่องขนาด ความหนา คุณสมบัติเด่น วิธีใช้งานจริง รวมถึงคำถามที่มือใหม่สงสัยเกี่ยวกับกระดาษจั่วปัง รับรองว่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจใช้งานได้ถูกต้องและมั่นใจขึ้นแน่นอนครับ
พูดให้เห็นภาพง่ายที่สุดเลยก็คือ กระดาษจั่วปัง คือ กระดาษแข็งชนิดหนึ่งที่ทำจากเยื่อกระดาษรีไซเคิลหลายๆ ชั้นซ้อนและอัดแน่นเข้าด้วยกันจนได้แผ่นที่หนาและแข็งแรงมาก คล้ายๆ กับเวลาคุณเอากระดาษแข็งหลายๆ แผ่นมาวางซ้อนกันแล้วกดให้แน่นจนได้เป็นแผ่นหนาๆ หนึ่งแผ่นใหญ่ๆ
กระดาษจั่วปังแบบนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chipboard แต่หลายๆ โรงพิมพ์ก็มักเรียกง่ายๆ ว่า “กระดาษแข็ง” หรือ “กระดาษอัดแข็ง” ครับ
กระดาษจั่วปังนิยมใช้ทำกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรง ดูดี และต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่มีคุณภาพหรือดูแพง เช่น กล่องเครื่องสำอาง กล่องโทรศัพท์ กล่องของขวัญ หรือกล่องใส่อาหารเสริม
ถ้าให้สรุปง่ายๆ กระดาษจั่วปังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอยู่ 6 ข้อหลักๆ คือ
นี้คือเหตุผลที่ทำให้กระดาษจั่วปังเป็นตัวเลือกยอดนิยมของเจ้าของแบรนด์ นักออกแบบ และผู้ผลิตที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม แข็งแรง และมีคุณภาพครับ
จั่วปังเหมาะกับงานที่ต้องการความหรู เช่น กล่องของขวัญหรือเซ็ตพรีเมียม ถ้าอยากได้ความหรูแต่ลดต้นทุนลง ลองดู อาร์ตการ์ด ซึ่งสามารถเคลือบเงาหรือ Spot UV ได้อย่างสวยงาม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่ากระดาษแต่ละชนิดก็เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกันครับ แต่ถ้าคุณยังสงสัยอยู่ว่ากระดาษจั่วปังที่เรากำลังพูดถึงนั้น ต่างจากกระดาษธรรมดาทั่วไปอย่างไร เดี๋ยวเรามาดูเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ ครับ
หัวข้อเปรียบเทียบ | กระดาษจั่วปัง (Chipboard) | กระดาษธรรมดาทั่วไป (เช่น กระดาษอาร์ตการ์ด , กล่องแป้ง) |
ความหนา | หนาและแข็งแรงมาก (0.67–3.37 mm.) | บางกว่า (ประมาณ 0.15–0.50 mm.) |
ความทนทาน | แข็งแรง ทนทานสูง ไม่เสียรูปง่าย | ฉีกขาดง่าย ไม่ค่อยทนทานเมื่อถูกกดหรือกระแทก |
ลักษณะพื้นผิว | เรียบ แข็งแรง สามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ง่าย | เรียบ บาง บางชนิดอาจดูมันเงาหรือด้าน |
การรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักได้ดีมาก ใส่ของหนักได้ | รับน้ำหนักได้น้อย เหมาะกับสินค้าที่เบา |
การใช้งาน | นิยมใช้กับกล่องที่เน้นภาพลักษณ์ดี เช่น กล่องของขวัญ กล่องเครื่องสำอาง กล่องอาหารเสริม | นิยมใช้กับบรรจุภัณฑ์ทั่วไป เช่น กล่องขนม กล่องสบู่ กล่องสินค้าทั่วไปที่ไม่เน้นความพิเศษ |
ราคา | ราคาสูงกว่าเล็กน้อย | ราคาประหยัดกว่า |
ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม | เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตจากเยื่อรีไซเคิล และรีไซเคิลต่อได้ง่าย | มีทั้งแบบรีไซเคิลได้และรีไซเคิลไม่ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดกระดาษ |
ถ้าคุณกำลังจะเริ่มใช้กระดาษจั่วปังในงานผลิตกล่อง หรือออกแบบบรรจุภัณฑ์ สิ่งที่ควรรู้มากๆ คือ “ขนาด” และ “ความหนา” ของกระดาษชนิดนี้ เพราะมันส่งผลโดยตรงกับรูปลักษณ์ ความแข็งแรง และต้นทุนการผลิตเลยครับ
โดยทั่วไป กระดาษจั่วปังไม่มีขนาดตายตัว แบบกระดาษ A4 หรือ A3 ที่เราใช้กันประจำ เพราะมันมักถูกผลิตมาเป็นแผ่นใหญ่ แล้วนำไปตัดตามขนาดที่แต่ละโรงพิมพ์หรือแบรนด์ต้องการครับ
แต่เพื่อความเข้าใจง่าย จะมี “ขนาดแผ่นใหญ่ก่อนตัด” ที่โรงงานนิยมใช้ เช่น
จากนั้นจะถูกตัดให้พอดีกับกล่องที่ต้องการผลิต เช่น A4 , A5 หรือขนาดเฉพาะอื่นๆ ตามแบบของกล่องลูกค้า
สรุป : ขนาดไม่ตายตัว แต่ปรับตามดีไซน์กล่องได้เสมอ
กระดาษจั่วปังจะมี รหัสเป็นเบอร์ (No.) เพื่อบอกระดับ “ความหนา” และ “น้ำหนักต่อแผ่น” ยิ่งเบอร์สูง กระดาษจะหนาและหนักขึ้น
เบอร์ | ความหนา (mm.) | น้ำหนัก (g/แผ่น) | เหมาะกับงานแบบไหน? |
No.8 | 0.67 | 420 | งานพิมพ์ทั่วไป , กล่องน้ำหนักเบา , กล่องลิปสติก |
No.10 | 0.816 | 510 | กล่องเครื่องสำอาง , กล่องสบู่ , กล่องชิ้นเล็กทั่วไป |
No.12 | 1.03 | 640 | กล่องครีม , กล่องอาหารเสริม , กล่องของขวัญขนาดเล็ก |
No.16 | 1.31 | 820 | กล่องเซ็ต , กล่องฝาแม่เหล็ก , กล่องพรีเมียมทั่วไป |
No.20 | 1.60 | 1000 | กล่องสินค้าหนัก , กล่องแก้ว , กล่องไวน์ |
No.24 | 2.06 | 1290 | กล่องขนาดใหญ่ ต้องการความแข็งแรงสูง |
No.28 | 2.40 | 1500 | กล่องสินค้าหนักมาก เช่น อุปกรณ์ , เครื่องมือ |
No.32 | 2.67 | 1670 | กล่องพรีเมียมขนาดใหญ่ ต้องการความแข็งพิเศษ |
No.38 | 2.91 | 1820 | กล่องพิเศษ , กล่องใส่เซ็ตเครื่องมือ , อิเล็กทรอนิกส์ |
No.42 | 3.37 | 2110 | กล่องอุตสาหกรรม, กล่องสินค้าที่ต้องการป้องกันสูงสุด |
วิธีเลือกง่ายๆ สำหรับมือใหม่
แม้กระดาษจั่วปังจะมีลักษณะเป็นแผ่นแข็ง แต่ก็สามารถนำมาดัดแปลงเป็นกล่องได้หลากหลายรูปทรงครับ โดยรูปแบบกล่องแต่ละประเภทมีจุดเด่นแตกต่างกัน เหมาะกับสินค้าและโอกาสต่างๆ ลองมาดูแต่ละแบบกันครับ
กล่องแบบนี้เรียกง่ายๆ ว่า “กล่องสองชิ้น” หรือ “กล่องฝากับฐาน” มีฝาครอบวางปิดจากด้านบนลงมาพอดี เหมือนกล่องรองเท้า หรือกล่องโทรศัพท์
จุดเด่น
ตัวอย่างการใช้งาน
เป็นกล่องที่ฝาเปิดปิดได้แบบ “พับลงมา” คล้ายสมุด และภายในฝาจะฝังแม่เหล็กเล็กๆ เพื่อให้ฝาดูดติดกับตัวกล่อง ดูแน่นหนา และหรูหรามาก
จุดเด่น
ตัวอย่างการใช้งาน
กล่องแบบนี้มีลักษณะคล้าย “ลิ้นชัก” ดึงออกมาจากด้านข้างได้ บางแบบจะมี “เชือกดึง” หรือ “ริบบิ้น” ให้ดึงได้ง่ายขึ้น
จุดเด่น
ตัวอย่างการใช้งาน
กล่องแบบนี้เปิดออกเหมือนหนังสือ หรือสมุดปกแข็ง เหมาะกับงานที่ต้องการความเรียบหรู และดูเป็นเอกสารสำคัญหรือของสะสม
จุดเด่น
ตัวอย่างการใช้งาน
หากคุณกำลังตัดสินใจว่าจะใช้จั่วปัง หรือกระดาษแบบอื่น บทความ สรุปประเภทกระดาษ จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบง่ายขึ้น
รูปแบบกล่องจั่วปังสามารถออกแบบให้เหมาะกับ “ความรู้สึกที่คุณอยากให้ลูกค้าได้รับ” ได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่ใส่ของได้ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์เปิดกล่องที่น่าจดจำครับ
แม้กระดาษจั่วปังจะเป็นเพียงแผ่นกระดาษ แต่เนื่องจากมันมีความหนาและแข็งแรงกว่ากระดาษทั่วไปหลายเท่า การตัดจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนตัดกระดาษ A4 ธรรมดาครับ ต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และเทคนิคที่แม่นยำพอสมควร เพื่อให้ได้งานที่สวย เนี้ยบ และใช้งานได้จริง
การตัดกระดาษจั่วปังจะขึ้นอยู่กับระดับความหนา และปริมาณงานที่ต้องการตัดครับ โดยเครื่องมือที่นิยมใช้มีดังนี้
เครื่องไดคัท (Die Cutting Machine)
เครื่องตัดใบมีดยาว (Guillotine Cutter)
เครื่องเลเซอร์ตัด (Laser Cutting – สำหรับงานพิเศษ)
เครื่องมือแฮนด์เมด (คัตเตอร์ / เลื่อยจิ๋ว)
การตัดกระดาษจั่วปังให้ได้งานคุณภาพ ไม่ใช่แค่ตัดให้ขาดครับ แต่ต้อง “ตัดแล้วเรียบร้อย ตรงคม และพร้อมใช้งานทันที” ซึ่งมีสิ่งที่ควรรู้ดังนี้
การตัดกระดาษจั่วปังเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อความเรียบร้อยของกล่องทั้งหมด การเลือกเครื่องมือให้เหมาะกับความหนา และใส่ใจในขั้นตอนแม้เป็นรายละเอียดเล็กน้อย จะช่วยให้คุณได้งานที่ดูโปร ดูเนี้ยบ และพร้อมใช้งานจริงครับ
กระดาษจั่วปังไม่ได้เหมาะกับทุกประเภทของบรรจุภัณฑ์ครับ แต่สำหรับสินค้าที่ต้องการ “ความรู้สึกพรีเมียม” หรือ “ความแข็งแรงพิเศษ” กระดาษชนิดนี้ตอบโจทย์แบบชัดเจนมาก ซึ่งคุณจะพบได้บ่อยๆ ตามผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้
ถ้าสินค้าของคุณมี “มูลค่า” มากกว่าความเป็นของใช้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าทางการตลาด หรือทางอารมณ์ กล่องที่ทำจากกระดาษจั่วปังจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์นั้นได้อย่างดีมาก เพราะมันไม่ใช่แค่กล่อง…แต่มันคือ “ประสบการณ์” ที่คนถือกล่องจะรู้สึกได้ทันทีครับ
ถ้าคุณกำลังมองหาโรงพิมพ์ที่เชี่ยวชาญในการทำกล่องจั่วปังหรือกล่องพรีเมียมโดยเฉพาะ Rigidboxs เป็นโรงพิมพ์ที่มีประสบการณ์ในการทำกล่องจั่วปังโดยเฉพาะ มีผลงานชัดเจน หลากหลายแบรนด์ชั้นนำเคยใช้บริการของที่นี่ และที่สำคัญคือมีทีมงานที่พร้อมให้คำแนะนำแบบเป็นกันเอง ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกกระดาษ ความหนา ขนาดกล่อง ไปจนถึงเทคนิคพิเศษต่างๆ เช่น ปั๊มนูน ปั๊มฟอยล์เงิน ฟอยล์ทอง เคลือบ UV และอีกหลายเทคนิค ที่ช่วยให้กล่องของคุณดูพรีเมียมมากขึ้น
อีกข้อดีคือ Rigidboxs มีขั้นตอนการเสนอราคาที่โปร่งใส ชัดเจน ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ทำให้คุณสามารถคุมงบประมาณได้ง่าย และสบายใจได้ว่าจะได้รับงานคุณภาพสูงในราคาที่ยุติธรรมครับ
สรุปง่ายๆ เลยก็คือ ถ้าคุณต้องการกล่องจั่วปังคุณภาพดี โรงพิมพ์ Rigidboxs ถือเป็นตัวเลือกที่ดีและน่าเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมแนะนำครับ
กระดาษจั่วปัง หรือ Chipboard เป็นกระดาษชนิดหนึ่งที่มีจุดเด่นตรงความหนาแน่น แข็งแรง และให้ภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียมกว่ากระดาษทั่วไป เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความประณีต สวยงาม และคงทน โดยเฉพาะงานทำกล่อง เช่น กล่องของขวัญ กล่องเครื่องสำอาง หรือกล่องสินค้าระดับพรีเมียม
ไม่ว่าจะในแง่ของ ความหนาหลากหลายเบอร์ , การตัดเฉพาะทาง หรือ รูปแบบกล่องที่ดัดแปลงได้หลากหลาย กระดาษจั่วปัง คือวัสดุที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่อง “ฟังก์ชัน” และ “ความรู้สึก” ไปพร้อมกันถ้างานของคุณต้องการ “ความแข็งแรงที่ดูดี” และ “ความเรียบง่ายที่ดูมีระดับ” กระดาษจั่วปังคือคำตอบที่น่าเลือกมากครับ และที่สำคัญที่สุด เมื่อคุณเข้าใจมันดีแล้ว การเลือกใช้งานก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ
กระดาษจั่วปังไม่กันน้ำครับ เพราะมันทำจากเยื่อกระดาษล้วนๆ ไม่มีการเคลือบ ถ้าโดนน้ำมากๆ จะดูดซึมและเสียรูปได้ง่าย แต่ถ้าอยากให้กันน้ำ สามารถเคลือบผิวเพิ่มเติมได้ เช่น เคลือบลามิเนต หรือเคลือบ UV
โดยตรงเลยไม่ค่อยนิยมพิมพ์ลงบนจั่วปังครับ เพราะพื้นผิวไม่เหมาะกับหมึกพิมพ์โดยตรง แต่โรงพิมพ์จะแก้โดย “หุ้มด้วยกระดาษอาร์ตมัน/อาร์ตด้าน” ที่พิมพ์ลายไว้ก่อน แล้วค่อยนำไปหุ้มทับกระดาษจั่วปังอีกที วิธีนี้ทำให้ได้ลายสวยและติดทนนาน
ได้แน่นอนครับ เพราะกระดาษจั่วปังทำจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล 100% และสามารถส่งกลับเข้าโรงงานรีไซเคิลได้อีก เรียกว่าเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบแท้จริง
กระดาษจั่วปังทำจากเยื่อกระดาษรีไซเคิลที่อัดแน่นเป็นแผ่น มีความหนาและแน่นกว่ากระดาษทั่วไปมาก ไม่ผสมพลาสติกหรือวัสดุอื่นๆ จึงปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีหลายเบอร์เลยครับ ตั้งแต่ เบอร์ 8 ถึงเบอร์ 42 (หรือมากกว่านั้นในบางโรงงาน) โดยแต่ละเบอร์จะมีความหนาต่างกัน เช่น เบอร์ 8 หนาประมาณ 0.67 มม., เบอร์ 42 หนาถึง 3.37 มม. ยิ่งเบอร์สูงก็ยิ่งหนาและหนักขึ้น
แข็งแรง ทนทาน ไม่เสียรูปง่าย รองรับการตกแต่งหลายแบบ เช่น ปั๊มนูน ปั๊มทอง เหมาะกับการทำกล่องของขวัญ กล่องเครื่องสำอาง กล่องพรีเมียม รีไซเคิลได้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ส่วนมากโรงพิมพ์จะมี ขั้นต่ำประมาณ 100–300 ใบ แล้วแต่ขนาดและดีไซน์ครับ ถ้าทำน้อยกว่านี้ต้นทุนต่อชิ้นจะสูงมาก แต่บางโรงพิมพ์ที่เชี่ยวชาญด้านกล่องจั่วปัง อาจยืดหยุ่นได้ แนะนำให้ลองสอบถามดูเป็นรายกรณีครับ