กระดาษอาร์ตมัน คืออะไร? มีกี่แบบ ราคาเท่าไหร่

กระดาษอาร์ตมัน คืออะไร? มีกี่แบบ ราคาเท่าไหร่

กระดาษอาร์ตมันคืออะไร? เปรียบเทียบคุณสมบัติ ข้อดี-ข้อเสีย และการใช้งาน พร้อมแนะนำร้านขายกระดาษอาร์ตมัน ราคาถูก

ถ้าคุณเคยเห็น นิตยสารที่มีภาพสีสดใส หรือ โบรชัวร์ที่เงางามดูพรีเมียม นั่นแหละคืองานพิมพ์ที่ใช้ กระดาษอาร์ตมัน ซึ่งเป็นกระดาษที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมการพิมพ์เพราะให้ คุณภาพของภาพที่คมชัดและดูมืออาชีพ แต่กระดาษชนิดนี้มีอะไรพิเศษ? และแตกต่างจาก กระดาษอาร์ตด้าน อย่างไร? มาไขข้อข้องใจกัน

แผ่นกระดาษอาร์ตมันแบบเคลือบเงา ให้พื้นผิวเรียบเนียนและสะท้อนแสง

กระดาษอาร์ตมัน คืออะไร?

กระดาษอาร์ตมัน (Glossy Art Paper) เป็นกระดาษที่มี พื้นผิวมันเงา ผ่านการเคลือบพิเศษเพื่อช่วยให้สีของงานพิมพ์ดูสดใสและคมชัดขึ้น มักใช้สำหรับ งานพิมพ์คุณภาพสูง ที่ต้องการรายละเอียดของภาพและสีที่โดดเด่น เช่น โปสเตอร์ , นิตยสาร , โบรชัวร์ หรือแคตตาล็อกสินค้า

ถึงแม้อาร์ตมันจะเด่นเรื่องความเงา แต่ถ้าอยากเปรียบเทียบกับกระดาษชนิดอื่นให้ครอบคลุม แนะนำให้ดู บทสรุปชนิดกระดาษยอดนิยมที่มืออาชีพเลือกใช้

คุณสมบัติหลักของกระดาษอาร์ตมัน

  1. พื้นผิวมันเงา – มีการเคลือบผิวทำให้สะท้อนแสง ช่วยให้หมึกพิมพ์ติดแน่นและให้สีที่สดใสขึ้น
  2. ให้สีคมชัดและสดใส – เหมาะกับการพิมพ์ภาพที่ต้องการคุณภาพสูง เช่น ภาพถ่ายและงานออกแบบ
  3. เนื้อกระดาษเรียบเนียน – ให้สัมผัสที่หรูหราและช่วยให้งานพิมพ์ดูพรีเมียมขึ้น

กระดาษอาร์ตมัน กับ กระดาษอาร์ตด้าน ต่างกันอย่างไร?

แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่ กระดาษอาร์ตมัน (Glossy Art Paper) และกระดาษอาร์ตด้าน (Matte Art Paper) มีความแตกต่างกันในเรื่องของพื้นผิวและการใช้งาน มาดูตารางเปรียบเทียบเพื่อเข้าใจได้ง่ายขึ้น

คุณสมบัติกระดาษอาร์ตมัน (Glossy)กระดาษอาร์ตด้าน (Matte)
พื้นผิวมันเงา สะท้อนแสงด้าน ไม่สะท้อนแสง
คุณภาพของสีสีสด คมชัดมากสีดูซอฟต์และเป็นธรรมชาติ
ความสามารถในการกันน้ำกันน้ำได้บางส่วนกันน้ำได้น้อยกว่า
รอยนิ้วมือเห็นรอยนิ้วมือได้ง่ายไม่เกิดรอยนิ้วมือมากนัก
เหมาะกับงานประเภทไหน?นิตยสาร, โปสเตอร์, โบรชัวร์, ภาพถ่ายหนังสือ, นามบัตร, แผ่นพับที่ต้องการลุคหรู

จากตารางจะเห็นว่า กระดาษอาร์ตมัน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการให้ สีสดใส คมชัด และมีความเงางาม ส่วน กระดาษอาร์ตด้าน จะเหมาะกับงานที่ต้องการลุคเรียบหรู ไม่สะท้อนแสง และอ่านง่ายกว่า

กระดาษอาร์ตมันเหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการสีสด คมชัด เช่น ใบปลิวหรือโบรชัวร์ แต่ถ้างานของคุณคือกล่องสินค้า ลองดูความแตกต่างของ อาร์ตมันกับกล่องแป้ง ที่เหมาะกับการใช้งานจริงคนละแบบ

เปรียบเทียบกระดาษอาร์ตมันและกระดาษอาร์ตด้าน แสดงคุณสมบัติพื้นผิวที่แตกต่างกัน

ประเภทของกระดาษอาร์ตมัน

กระดาษอาร์ตมันมีหลายประเภท โดยสามารถแบ่งตาม ความหนา (แกรม) และ ขนาดมาตรฐาน ที่นิยมใช้ในงานพิมพ์ต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภท

แบ่งตามความหนา (แกรม) ที่นิยมใช้

กระดาษอาร์ตมันมีช่วงความหนาที่หลากหลาย โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 90 แกรม และสามารถหนาได้ถึง 350 แกรม ทั้งนี้แต่ละระดับความหนาจะเหมาะกับงานพิมพ์ที่แตกต่างกัน แต่ที่นิยมใช้

  1. กระดาษอาร์ตมัน 130 แกรม – เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความบางเบา เช่น นิตยสาร , แผ่นพับ และใบปลิว ช่วยให้พกพาสะดวก และพิมพ์สีได้สวยงาม
  2. กระดาษอาร์ตมัน 160 แกรม – มีความหนาขึ้นมาอีกระดับ นิยมใช้กับ โบรชัวร์ , แคตตาล็อกสินค้า และเมนูอาหาร เพราะให้สัมผัสที่ดูพรีเมียมขึ้น
  3. กระดาษอาร์ตมัน 260 แกรม – เป็นกระดาษที่หนาและแข็งแรง เหมาะกับ ปกหนังสือ , การ์ดเชิญ และนามบัตร ให้สัมผัสหรูหราและคงทนมากขึ้น

หมายเหตุ

  • 90 แกรม เป็นขนาดต่ำสุดที่นิยมใช้ในงานพิมพ์ที่ต้องการกระดาษบางเบา
  • 350 แกรม เป็นขนาดที่หนามากและมักใช้สำหรับ กล่องบรรจุภัณฑ์หรือปกหนังสือแบบแข็ง
  • ความหนาที่นิยมมากที่สุดสำหรับงานพิมพ์ทั่วไปอยู่ในช่วง 130 – 260 แกรม

แบ่งตามขนาดมาตรฐานหรือขนาดสำเร็จของกระดาษอาร์ตมัน

กระดาษอาร์ตมันมีหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานพิมพ์

ขนาดกระดาษหน่วย (มม.)การใช้งานที่เหมาะสม
กระดาษอาร์ตมัน a4210 x 297 มม.โบรชัวร์ , รายงาน , ใบปลิว
กระดาษอาร์ตมัน a3297 x 420 มม.โปสเตอร์ , ป้ายโฆษณาขนาดเล็ก
กระดาษอาร์ตมัน a5148 x 210 มม.หนังสือขนาดเล็ก , โบรชัวร์
กระดาษอาร์ตมันขนาด 130gsm , 160gsm และ 260gsm สำหรับงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์

คุณสมบัติของกระดาษอาร์ตมัน

1. พื้นผิวมันเงา สะท้อนแสงได้ดี

  • จุดเด่นที่สำคัญของกระดาษอาร์ตมันคือ พื้นผิวที่เรียบเนียนและมันเงา ซึ่งทำให้ สะท้อนแสงได้ดี และช่วยให้หมึกพิมพ์ติดแน่นขึ้น
  • สีของภาพและตัวอักษรที่พิมพ์ลงบนกระดาษจะ ดูสดใสและคมชัดกว่ากระดาษทั่วไป
  • นิยมใช้สำหรับ โปสเตอร์ โบรชัวร์ หรือปกนิตยสาร ที่ต้องการให้ภาพดูมีชีวิตชีวา

ข้อควรรู้ : เนื่องจากพื้นผิวเงา กระดาษอาร์ตมันอาจเกิด รอยนิ้วมือได้ง่าย และมีการสะท้อนแสงสูง อาจไม่เหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการให้อ่านง่าย

2. แสดงสีสันสดใส ให้รายละเอียดภาพคมชัด

  • กระดาษอาร์ตมันมี การดูดซึมหมึกที่ต่ำกว่ากระดาษธรรมดา ทำให้หมึกไม่กระจายตัว ส่งผลให้ สีคมชัด สดใส และมีความเข้มของสีที่สูงกว่า
  • เหมาะสำหรับงานพิมพ์ ที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ภาพถ่าย แคตตาล็อกสินค้า และโปสเตอร์โฆษณา

ข้อควรรู้ : ถ้าพิมพ์ด้วยเครื่อง อิงค์เจ็ท (Inkjet) หมึกอาจซึมช้าและเกิดรอยเปื้อนได้ง่าย ควรใช้เครื่องพิมพ์ เลเซอร์ เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด

3. สามารถกันน้ำได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่กันน้ำ 100%

  • กระดาษอาร์ตมันสามารถกันน้ำได้บางส่วน เนื่องจากพื้นผิวเคลือบมันช่วยป้องกันหมึกซึมเข้าไปในกระดาษ
  • อย่างไรก็ตาม กระดาษอาร์ตมันไม่กันน้ำ 100% หากสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานาน อาจทำให้หมึกเลอะหรือกระดาษบวมได้

วิธีป้องกันความเสียหายจากน้ำ

  • ใช้ การเคลือบพลาสติก (Lamination) เพื่อช่วยกันน้ำและเพิ่มความทนทาน
  • เก็บรักษากระดาษในที่แห้งและห่างจากความชื้น

ข้อดีและข้อเสียของกระดาษอาร์ตมัน

ข้อดี

  • พิมพ์สีสวย คมชัด – เพราะพื้นผิวมันเงาสะท้อนแสงดี
  • เหมาะกับงานพิมพ์คุณภาพสูง – เช่น นิตยสาร , โบรชัวร์ , แผ่นพับ
  • ทนทานกว่ากระดาษปกติ – โดยเฉพาะกระดาษที่มีแกรมสูง

ข้อเสีย

  • เปื้อนรอยนิ้วมือได้ง่ายเมื่อเทียบกับกระดาษอาร์ตด้าน
  • ต้นทุนสูงกว่ากระดาษทั่วไป
  • อาจพิมพ์กับเครื่องอิงค์เจ็ทได้ไม่ดีเท่าเครื่องเลเซอร์
  • ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้หมึกซึมลึก เช่น หนังสือพิมพ์
  • ไม่เหมาะกับการเขียนด้วยปากกาธรรมดา เพราะหมึกอาจเลอะง่าย

กระดาษอาร์ตมัน ใช้ทําอะไรได้บ้าง?

ถ้าคุณเคยถือโบรชัวร์มันเงาสีสดๆ หรือเปิดอ่านนิตยสารที่มีภาพคมชัดสุดๆ นั่นแหละคือผลงานของกระดาษอาร์ตมัน มาดูกันว่าถูกนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง

1. นิตยสารและหนังสือภาพสี

ลองนึกถึงนิตยสารแฟชั่นหรือวารสารที่เต็มไปด้วยภาพถ่ายความละเอียดสูง ถ้ากระดาษไม่ดีพอ สีอาจจะซีด ภาพอาจจะเบลอ หรือกระดาษอาจซึมหมึกมากเกินไป กระดาษอาร์ตมันแก้ปัญหานี้ได้ เพราะมันเคลือบผิวให้เรียบเนียน ทำให้หมึกพิมพ์ไม่ซึมทะลุ และสีที่ออกมาดูสดใสกว่ากระดาษธรรมดา

ตัวอย่างการใช้งาน

  • นิตยสารแฟชั่น เช่น Vogue , Elle , GQ
  • หนังสือศิลปะและภาพถ่าย
  • หนังสือเรียนที่มีภาพประกอบเยอะ เช่น หนังสือชีววิทยาหรือศิลปะ

ทำไมต้องใช้กระดาษอาร์ตมัน?

  • ให้สีที่สดและมีความคมชัดสูง
  • สัมผัสเรียบลื่น เพิ่มความพรีเมียมให้หนังสือ
  • หมึกติดดี ไม่ซึมง่าย

2. โบรชัวร์และแคตตาล็อกสินค้า

เคยรับโบรชัวร์ของร้านอาหาร หรือดูแคตตาล็อกของแบรนด์เสื้อผ้าไหม? สิ่งเหล่านี้ต้องใช้กระดาษที่ช่วยให้ภาพสินค้าดูสวย โดดเด่น และน่าสนใจ กระดาษอาร์ตมันเป็นตัวเลือกที่ใช่ เพราะมันช่วยให้ภาพสินค้าดูมีมิติขึ้น แสงสะท้อนช่วยเพิ่มความเงางาม และกระดาษสามารถรองรับหมึกพิมพ์สีได้ดี

ตัวอย่างการใช้งาน

  • โบรชัวร์เมนูร้านอาหาร
  • แคตตาล็อกเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • แผ่นพับโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

ทำไมต้องใช้กระดาษอาร์ตมัน?

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
  • ทำให้รูปภาพสินค้าโดดเด่นกว่าการพิมพ์บนกระดาษธรรมดา
  • ทนทานกว่ากระดาษปอนด์ ไม่ยับง่าย

3. โปสเตอร์และป้ายโฆษณาขนาดกลาง

ถ้าคุณเคยเห็นโปสเตอร์หนังติดอยู่ที่โรงภาพยนตร์ หรือป้ายโปรโมชั่นในร้านค้า กระดาษอาร์ตมันมักเป็นตัวเลือกหลักที่ใช้พิมพ์ เพราะมันให้สีที่คมชัด สามารถเคลือบ UV หรือเคลือบมันเพิ่มเติมได้เพื่อเพิ่มความทนทาน

ตัวอย่างการใช้งาน

  • โปสเตอร์ภาพยนตร์
  • ป้ายโปรโมชั่นสินค้า
  • โปสเตอร์แสดงศิลปะและนิทรรศการ

ทำไมต้องใช้กระดาษอาร์ตมัน?

  • รองรับงานพิมพ์ขนาดใหญ่ได้ดี
  • เพิ่มความเงางาม ทำให้โปสเตอร์ดูโดดเด่น
  • สามารถเคลือบเพิ่มเติมเพื่อให้ทนต่อความชื้นและแสงแดด
การใช้งานกระดาษอาร์ตมันตามความหนา 130gsm สำหรับใบปลิว, 160gsm สำหรับโบรชัวร์, และ 260gsm สำหรับปกหนังสือ

การเลือกใช้กระดาษอาร์ตมันให้เหมาะสม

กระดาษอาร์ตมันเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับ โบรชัวร์ แผ่นพับ นิตยสาร และบรรจุภัณฑ์ แต่การเลือกใช้กระดาษที่เหมาะสมต้องคำนึงถึง ขนาด ความหนา (แกรม) และวิธีการพิมพ์ หากต้องการ พิมพ์เอง หรือ ใช้บริการโรงพิมพ์ ควรพิจารณาความคุ้มค่าและคุณภาพของงานพิมพ์

1. เลือกขนาดกระดาษให้เหมาะกับประเภทงานพิมพ์

ขนาดสำเร็จที่นิยมใช้สำหรับกระดาษอาร์ตมัน

ประเภทงานพิมพ์ขนาดมาตรฐาน (มม.)ขนาดมาตรฐาน (นิ้ว)
ใบปลิว (Flyer)A5 (148 × 210 มม.)5.8 × 8.3 นิ้ว
แผ่นพับ 2 พับ (Brochure)A4 (210 × 297 มม.)8.3 × 11.7 นิ้ว
แผ่นพับ 3 พับ (Tri-fold)A4 หรือ 297 × 630 มม.8.3 × 24.8 นิ้ว
โปสเตอร์ขนาดเล็กA3 (297 × 420 มม.)11.7 × 16.5 นิ้ว
โปสเตอร์ขนาดใหญ่A2, A116.5 × 23.4 นิ้วขึ้นไป

ข้อแนะนำ

  • ถ้าต้องการพิมพ์ ใบปลิว ใช้ขนาด A5 หรือ A4
  • ถ้าต้องการพิมพ์ แผ่นพับแบบ 2 พับหรือ 3 พับ ใช้ A4 หรือ A3
  • ถ้าต้องการพิมพ์ โปสเตอร์หรือป้ายโฆษณา ควรเลือก A3 หรือใหญ่กว่า

2. ถ้าต้องการพิมพ์เอง ต้องเลือกแกรมกระดาษให้เหมาะสม

เครื่องพิมพ์ที่รองรับกระดาษอาร์ตมัน

ประเภทเครื่องพิมพ์เหมาะกับแกรมหมึกที่ใช้
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท (Inkjet Printer)90-160 แกรมหมึกน้ำ หรือ หมึกกันน้ำ (Pigment Ink)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)130-260 แกรมหมึกโทนเนอร์
เครื่องพิมพ์ดิจิตอลขนาดเล็ก (Digital Printing)130-260 แกรมหมึกโทนเนอร์/UV

ข้อแนะนำ

  • เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ใช้ได้กับ กระดาษบาง (90-160 แกรม) แต่หมึกอาจแห้งช้า
  • เครื่องพิมพ์เลเซอร์ รองรับกระดาษหนา (130-260 แกรม) สีติดดีและแห้งเร็ว
  • ถ้าพิมพ์เอง ควรซื้อกระดาษขนาดมาตรฐาน (A4 , A3) เพราะเครื่องพิมพ์ทั่วไปไม่รองรับขนาดใหญ่

ปัญหาการพิมพ์เอง

  • ต้นทุนต่อแผ่นสูง หากพิมพ์จำนวนมาก
  • สีอาจไม่สดเท่าการพิมพ์จากโรงพิมพ์ Offset
  • ไม่สามารถไดคัท เคลือบ หรือปั๊มนูนได้

3. ถ้าต้องพิมพ์เยอะ ให้โรงพิมพ์เป็นตัวช่วย

หากต้องการพิมพ์จำนวนมาก 500 ใบ แนะนำให้ใช้บริการโรงพิมพ์ เพื่อให้ต้นทุนต่อแผ่นถูกลงและคุณภาพสูงขึ้น

เทคนิคการพิมพ์ที่ใช้ในโรงพิมพ์

วิธีพิมพ์เหมาะกับงานคุณภาพพิมพ์ขนาดที่กำหนดเอง
Digital Printingปริมาณน้อย (100-500 แผ่น)คุณภาพสูง สีสด คมชัดได้
Offset Printingปริมาณมาก (1,000+ แผ่น)คุณภาพสูง ราคาถูกต่อแผ่นได้

ทำไมต้องใช้บริการโรงพิมพ์?

  • ต้นทุนต่อแผ่นถูกกว่าพิมพ์เอง (เมื่อสั่งจำนวนมาก)
  • คุณภาพงานพิมพ์คมชัด สีสดใสกว่าการพิมพ์ที่บ้าน
  • สามารถเพิ่มเทคนิคพิเศษ เช่น เคลือบเงา ไดคัท ปั๊มฟอยล์ ได้

หากต้องการสั่งพิมพ์โบรชัวร์ ใบปลิว หรือแผ่นพับจำนวนมาก Thaiprintshop เป็นโรงพิมพ์ที่ให้บริการทั้ง Digital และ Offset Printing สามารถพิมพ์ขนาด Custom ได้ และมีบริการออกแบบเพิ่มเติม

4. ข้อดี-ข้อเสียของการพิมพ์เอง vs โรงพิมพ์

ปัจจัยพิมพ์เองที่บ้าน (Inkjet / Laser / Digital ขนาดเล็ก)พิมพ์กับโรงพิมพ์ (Offset / Digital Large Scale)
ขนาดกระดาษรองรับขนาดมาตรฐาน (A4, A5, A3)กำหนดขนาดเองได้
ปริมาณการพิมพ์เหมาะกับปริมาณน้อย (100-500 แผ่น)เหมาะกับปริมาณมาก (500-10,000 แผ่นขึ้นไป)
ต้นทุนต่อแผ่นแพงกว่า (เพราะใช้หมึกพิมพ์เอง)ถูกลงเมื่อพิมพ์จำนวนมาก
คุณภาพสีขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์และหมึกที่ใช้สีคมชัดกว่า โดยเฉพาะงาน Offset
ความสะดวกทำได้ทันที ไม่ต้องรอผลิตต้องใช้เวลาผลิตและจัดส่ง
ตัวเลือกกระดาษจำกัดแกรม (สูงสุด 260 แกรมในบางรุ่น)รองรับกระดาษหนา (300-350 แกรม)
รูปแบบพิเศษไม่รองรับเคลือบเงา, ไดคัท, ปั๊มฟอยล์สามารถทำเคลือบเงา, ไดคัท, ปั๊มฟอยล์ได้

กระดาษอาร์ตมัน ปริ้นยังไงให้คมชัด?

  1. ใช้เครื่องพิมพ์ที่รองรับ – เครื่องพิมพ์เลเซอร์ให้คุณภาพดีกว่าอิงค์เจ็ท
  2. เลือกหมึกพิมพ์ที่เหมาะสม – หมึกกันน้ำช่วยให้สีติดทนนาน
  3. ตั้งค่าความละเอียดสูง (DPI 300 ขึ้นไป) – เพื่อให้ภาพคมชัดที่สุด
  4. เลือกกระดาษให้เหมาะสม – หากใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ควรใช้กระดาษอาร์ตมันที่รองรับหมึกประเภทนี้
ประเภทเครื่องพิมพ์เหมาะกับกระดาษอาร์ตมันหรือไม่?การใช้งานที่แนะนำ
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท (Inkjet Printer)ใช้ได้ แต่หมึกอาจแห้งช้าและเลอะง่ายงานพิมพ์รูปภาพ , การ์ดขนาดเล็ก
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)เหมาะมาก สีคมชัด แห้งเร็วโบรชัวร์ , นิตยสาร , รายงานสี
เครื่องพิมพ์ดิจิทัล (Digital Printing Press)เหมาะกับงานพิมพ์จำนวนน้อย คุณภาพสูงแคตตาล็อก , นามบัตร , หนังสือเล่มเล็ก
เครื่องพิมพ์ออฟเซ็ต (Offset Printer)ดีที่สุด สีสวยและคงทนงานพิมพ์ปริมาณมาก เช่น นิตยสาร โปสเตอร์

วิธีป้องกันหมึกเลอะและรอยนิ้วมือ

กระดาษอาร์ตมันมีพื้นผิวมันเงา ซึ่งทำให้หมึกแห้งช้ากว่ากระดาษทั่วไป วิธีต่อไปนี้จะช่วยให้คุณ พิมพ์ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรอยเลอะ

วิธีแก้ปัญหาหมึกเลอะจากเครื่องพิมพ์

  1. ใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์หรือออฟเซ็ตแทนอิงค์เจ็ท
    • หมึกจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะแห้งทันที (Fixing Process) ช่วยลดโอกาสที่หมึกจะเลอะ
  2. ถ้าต้องใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ให้ใช้หมึกกันน้ำ (Pigment Ink)
    • หมึกพิกเมนต์ (Pigment Ink) จะติดบนกระดาษได้ดีขึ้นและแห้งไวกว่า
  3. ตั้งค่าเครื่องพิมพ์เป็น Glossy Paper หรือ Photo Paper
    • ปรับค่าให้เหมาะกับกระดาษเคลือบเงา ช่วยให้หมึกเซ็ตตัวเร็วขึ้น
  4. ใช้เครื่องเป่าลมหรือปล่อยให้หมึกแห้งก่อนสัมผัส
    • ห้ามจับทันทีหลังพิมพ์เสร็จ เพราะรอยนิ้วมืออาจทำให้หมึกเลอะ

วิธีป้องกันรอยนิ้วมือหลังพิมพ์

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้ากระดาษโดยตรง หลังพิมพ์เสร็จ
  • ใช้ กระดาษไขหรือทิชชู่รองก่อนจับ
  • ถ้าต้องเก็บกระดาษ ใช้ถุงพลาสติกหรือแฟ้มใส เพื่อป้องกันรอย

กระดาษอาร์ตมัน ราคา เท่าไหร่?

1. ราคากระดาษอาร์ตมันแบบสำเร็จรูป (ขายเป็นรีม หรือแผ่น)

กระดาษสำเร็จรูป คือ กระดาษอาร์ตมันที่ขายเป็นรีม (500 แผ่น) หรือแยกขายเป็นแผ่น ใช้สำหรับ เครื่องพิมพ์ทั่วไป เช่น อิงค์เจ็ท , เลเซอร์ เหมาะสำหรับงานพิมพ์จำนวนน้อย

ปัจจัยที่มีผลต่อราคากระดาษอาร์ตมันแบบสำเร็จรูป

  • แกรมของกระดาษ – ยิ่งหนา ราคายิ่งสูง
  • ขนาดกระดาษ – ขนาด A4 ถูกกว่า A3 หรือขนาดใหญ่
  • ปริมาณการซื้อ – ซื้อเป็นรีมราคาถูกกว่าซื้อแยกเป็นแผ่น
  • แบรนด์และคุณภาพกระดาษ – กระดาษจากแบรนด์ชั้นนำอาจมีราคาสูงกว่า

แนะนำ 5 แหล่งซื้อกระดาษอาร์ตมัน ราคาถูก

ชื่อร้านค้าความหนา (แกรม)ขนาดจำนวน (แผ่น)ราคา (บาท)
dtawan130 แกรมA410080
shopee130 แกรมA410064
finopaper128 แกรมA4250125
OfficeMate105 แกรมA4100146
thailandsub160 แกรมA4100170

2. ราคากระดาษอาร์ตมันที่ใช้ในโรงพิมพ์

กระดาษอาร์ตมันที่ใช้ในโรงพิมพ์คือ กระดาษที่ใช้ในเครื่องพิมพ์ Offset หรือ Digital Printing มักขายเป็น รีม หรือแบบเป็นม้วนขนาดใหญ่ เพื่อใช้พิมพ์งานปริมาณมาก เช่น นิตยสาร โบรชัวร์ แคตตาล็อก กล่องบรรจุภัณฑ์

ปัจจัยที่มีผลต่อราคากระดาษอาร์ตมันในโรงพิมพ์

  • ปริมาณที่สั่ง – สั่งมาก ราคาต่อแผ่นถูกลง
  • ขนาดกระดาษ – โรงพิมพ์สามารถตัดขนาดได้เองตามความต้องการ
  • ประเภทของการพิมพ์ – Offset Printing หรือ Digital Printing มีผลต่อราคา
  • แกรมของกระดาษ – ยิ่งหนา ต้นทุนยิ่งสูง

ราคากระดาษอาร์ตมันที่ใช้ในโรงพิมพ์ (โดยประมาณ)

ความหนา (แกรม)ขนาด (นิ้ว)จำนวน (รีม / ม้วน)ราคาโดยประมาณ
130 แกรม25×36 นิ้ว1 รีม (500 แผ่น)1,000 – 1,500 บาท
160 แกรม25×36 นิ้ว1 รีม (500 แผ่น)1,200 – 1,800 บาท
200 แกรม25×36 นิ้ว1 รีม (500 แผ่น)1,500 – 2,000 บาท
260 แกรม31×43 นิ้ว1 รีม (500 แผ่น)2,500 – 3,500 บาท
300 แกรม31×43 นิ้ว1 รีม (500 แผ่น)3,500 – 4,500 บาท
350 แกรมม้วนใหญ่1 ม้วน5,000 – 10,000 บาท

เปรียบเทียบกระดาษอาร์ตมัน กับ กระดาษโฟโต้

หากคุณเคยพิมพ์ภาพถ่ายหรืองานออกแบบกราฟิก อาจเคยเจอคำถามว่า ควรใช้กระดาษอาร์ตมัน หรือกระดาษโฟโต้? ทั้งสองแบบมีพื้นผิวมันเงาและให้สีสดใส แต่วัตถุประสงค์และคุณสมบัติแตกต่างกันชัดเจน เราจะมาเปรียบเทียบกันแบบเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้กระดาษได้เหมาะกับงานของตัวเอง

คุณสมบัติกระดาษอาร์ตมันกระดาษโฟโต้
พื้นผิวมันเงา แต่ไม่มันวาวมากมันวาวสูง (Glossy) หรือกึ่งเงา (Semi-gloss)
คุณภาพการพิมพ์สีสดใส คมชัด แต่ไม่เน้นรายละเอียดสูงรายละเอียดสูง คมชัดมาก เหมาะกับภาพถ่าย
การดูดซึมหมึกซึมซับหมึกได้ดี แต่สีอาจไม่สดเท่ากระดาษโฟโต้เคลือบพิเศษ ป้องกันหมึกซึม ทำให้สีสดมาก
กันน้ำไม่กันน้ำ 100% อาจเกิดรอยเมื่อโดนน้ำส่วนใหญ่กันน้ำได้ เพราะเคลือบพิเศษ
ความหนา (แกรมที่นิยมใช้)130, 160, 260 แกรม180, 210, 260 แกรมขึ้นไป
เหมาะกับงานพิมพ์ประเภทไหน?โบรชัวร์, นิตยสาร, ปกหนังสือ, การ์ดภาพถ่าย, โปสเตอร์, งานพิมพ์คุณภาพสูง
ราคาถูกกว่ากระดาษโฟโต้ราคาสูงกว่า เพราะคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่า

สรุป

เมื่อพูดถึงงานพิมพ์ที่ต้องการ ความคมชัดและคุณภาพสูง กระดาษอาร์ตมันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากพื้นผิวมันเงาช่วยให้สีติดดีและคมชัด ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงาม เช่น โบรชัวร์ นิตยสาร โปสเตอร์ และแคตตาล็อกสินค้า

กระดาษอาร์ตมันมีให้เลือกหลายขนาดและความหนา (แกรม) การเลือกใช้ที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แม้ว่ากระดาษอาร์ตมันจะเป็นที่นิยม แต่การพิจารณาเปรียบเทียบกับกระดาษชนิดอื่นๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ

ไม่ว่าคุณจะใช้กระดาษอาร์ตมันสำหรับงานพิมพ์แบบไหน การเข้าใจคุณสมบัติและเลือกใช้อย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้งานพิมพ์ที่สวยงามและคุ้มค่ามากที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระดาษอาร์ตมัน (FAQ)

1. กระดาษอาร์ตมันกับกระดาษโฟโต้เหมือนกันไหม?

กระดาษอาร์ตมันและกระดาษโฟโต้มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน กระดาษโฟโต้มีการเคลือบพิเศษที่ทำให้ภาพมีสีสดและกันน้ำได้มากกว่า ในขณะที่กระดาษอาร์ตมันมีพื้นผิวมันเงา แต่ไม่สามารถกันน้ำได้ 100% และให้สีสดใสในงานพิมพ์ทั่วไป เช่น นิตยสารและโบรชัวร์

2. กระดาษอาร์ตมัน ปริ้น อิงค์เจ็ทได้ไหม?

กระดาษอาร์ตมันสามารถพิมพ์ด้วยเครื่องอิงค์เจ็ทได้ แต่ไม่แนะนำ เนื่องจากพื้นผิวมันเงาทำให้หมึกซึมลงบนกระดาษได้ไม่ดีเท่ากับกระดาษที่ออกแบบมาสำหรับอิงค์เจ็ทโดยเฉพาะ หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์หรือพิมพ์ระบบออฟเซ็ต

3. กระดาษอาร์ตมันกันน้ำได้ไหม?

กระดาษอาร์ตมันสามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่กันน้ำ 100% หากโดนน้ำอาจเกิดรอยเปื้อนหรือทำให้กระดาษเสียรูปได้ หากต้องการกระดาษที่กันน้ำ ควรเลือกกระดาษโฟโต้ที่มีการเคลือบพิเศษ หรือใช้การเคลือบฟิล์มกันน้ำเพิ่มเติม

4. อาร์ตมัน กับ อาร์ตการ์ด ต่างกันยังไง?

กระดาษอาร์ตมันและอาร์ตการ์ดมีความแตกต่างกันในด้านความหนาและการใช้งาน กระดาษอาร์ตมันมีความบางกว่า เหมาะสำหรับงานพิมพ์เช่น โบรชัวร์ นิตยสาร และโปสเตอร์ ส่วนอาร์ตการ์ดมีความหนาและแข็งกว่า นิยมใช้ทำปกหนังสือ นามบัตร หรือบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น