ข้อดี – ข้อเสียของการทำการตลาดบน TikTok

ข้อดีและข้อเสีย ที่สำคัญของการทำการตลาดบน TikTok เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องว่าเพลตฟอร์มนี้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณหรือไม่ เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันและ TikTok ได้โผล่ขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มที่มีความนิยมอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ

ซึ่งได้ทำให้หลายๆ ธุรกิจหันมาใช้เป็นแนวทางในการทำการตลาด หากคุณกำลังสนใจและพิจารณาว่าควรจะนำธุรกิจของคุณเข้ามาประชาสัมพันธ์บน TikTok หรือไม่ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับข้อดีและข้อเสียของการทำการตลาดบน TikTok ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ

TikTok คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อการตลาด?

1.TikTok : แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นแห่งความบันเทิง

• วิดีโอสั้นสร้างสรรค์ : TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เน้นการสร้างและแชร์วิดีโอสั้น โดยมีความยาวตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึง 3 นาที (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต) วิดีโอส่วนใหญ่มักเป็นเนื้อหาที่สร้างสรรค์ สนุกสนาน ตลกขบขัน หรือให้ความรู้
• เครื่องมือที่ใช้งานง่าย : TikTok มีเครื่องมือตัดต่อวิดีโอ เอฟเฟกต์ ฟิลเตอร์ เพลง และเสียงต่างๆ มากมาย ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอที่น่าสนใจได้ง่าย แม้ไม่มีทักษะการตัดต่อวิดีโอมาก่อน
• ชุมชนและการมีส่วนร่วม : TikTok สร้างชุมชนออนไลน์ที่ผู้ใช้สามารถติดตาม สร้างปฏิสัมพันธ์ และแชร์วิดีโอให้กันและกัน ทำให้เกิดการกระจายเนื้อหาอย่างรวดเร็ว
• อัลกอริทึม FYP (For You Page) : อัลกอริทึมของ TikTok ที่เรียกว่า “For You Page” จะแสดงวิดีโอที่ระบบคิดว่าผู้ใช้จะสนใจ โดยพิจารณาจากประวัติการดู การกดไลก์ การคอมเมนต์ และการติดตาม ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นพบเนื้อหาใหม่ๆ และครีเอเตอร์ใหม่ๆ ได้ง่าย

2.สถิติผู้ใช้งาน TikTok และกลุ่มเป้าหมายหลัก

• ฐานผู้ใช้งานทั่วโลก : TikTok มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่
• กลุ่มเป้าหมายหลัก : แม้ว่า TikTok จะมีผู้ใช้จากทุกช่วงวัย แต่กลุ่มเป้าหมายหลักยังคงเป็นกลุ่มวัยรุ่น Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) และ Millennials (เกิดระหว่างปี 1981-1996) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อเทรนด์และมีกำลังซื้อสูง

การเติบโตของกลุ่มผู้ใช้งานอื่นๆ TikTok กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุมากขึ้น ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายยิ่งขึ้น

3.ความสำคัญของการตลาดบนโซเชียลมีเดียในยุคปัจจุบัน

• การเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง : โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางที่ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง สร้างความสัมพันธ์ และสื่อสารกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์
• การสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) : โซเชียลมีเดียช่วยให้ธุรกิจสร้างการรับรู้แบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ และสร้างความน่าเชื่อถือ
• การเพิ่มยอดขายและการแปลง (Driving Sales and Conversions) : โซเชียลมีเดียสามารถใช้เพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ สร้างแคมเปญ และกระตุ้นการซื้อ
• การวิเคราะห์ข้อมูลและวัดผล (Data Analysis and Measurement) : โซเชียลมีเดียมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจวัดผลแคมเปญและปรับปรุงกลยุทธ์
• TikTok ในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย : TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญในกลยุทธ์โซเชียลมีเดียโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Gen Z และ Millennials

ข้อดีของ TikTok ในการช่วยทำการตลาดของธุรกิจ

TikTok ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่นิยมสำหรับการตลาดในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายประการที่เอื้อต่อการประชาสัมพันธ์และการเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ๆ

1. กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย : TikTok มีผู้ใช้จากทุกวัยและมากมายทั่วโลก ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้
2. การสื่อสารที่มีความเป็นธรรมชาติ : วิดีโอใน TikTok มักเน้นความสนุก ทำให้เนื้อหาดูมีความเป็นธรรมชาติและเกิดการตอบรับอย่างดี
3. ความสั้นและกระชับ : ระยะเวลาของวิดีโอใน TikTok สั้น ทำให้ผู้คนเข้าถึงและดูเนื้อหาได้ง่ายและรวดเร็ว
4. เครื่องมือสร้างสรรค์ : TikTok มีเครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ ทำให้สามารถปรับแต่งเนื้อหาให้เข้ากับยี่ห้อได้
5. ฟีเจอร์ “For You Page” (FYP) : ผ่านการเรียนรู้ของระบบ AI, TikTok จะแนะนำเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ทำให้การเผยแพร่เนื้อหาสามารถขยายขอบเขตได้แบบไวรัล
6. แคมเปญแบบชำระเงิน : TikTok ยังมีโอกาสสำหรับการโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย ซึ่งสามารถปรับแต่งตามงบประมาณและกลุ่มเป้าหมายได้
7. ความร่วมมือกับ Influencers : ธุรกิจสามารถร่วมมือกับ influencers ใน TikTok เพื่อช่วยในการเผยแพร่เนื้อหาหรือเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
8. ปฏิสัมพันธ์สูง : ผู้ใช้ TikTok มักจะมีการตอบกลับเนื้อหาด้วยการให้ “like”, คอมเมนต์ หรือแชร์ ทำให้มีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเป้าหมายได้

ข้อเสียของ TikTok ที่ส่งผลต่อการทำตลาดธุรกิจ

TikTok มีข้อดีในการช่วยส่งเสริมการตลาด แต่ยังมีข้อเสียหรือจุดที่ต้องระมัดระวังเมื่อใช้เพื่อการทำตลาดธุรกิจ

1. ความสั้นของเนื้อหา : กำหนดเวลาของวิดีโอใน TikTok จำกัด ทำให้มีข้อจำกัดในการสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนหรือต้องการเวลาเพื่ออธิบาย
2. ความแปรปรวนของเนื้อหา : เนื่องจากผู้ใช้เน้นการสร้างเนื้อหาเพื่อความบันเทิง อาจทำให้ข้อความทางการตลาดดูไม่เป็นมืออาชีพ หรือไม่สอดคล้องกับยี่ห้อ
3. เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง : ผู้ใช้งาน TikTok มีโน้มเอียงในกลุ่มวัยรุ่น ถึงวัยหนุ่ม หากธุรกิจมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าในวัยที่สูงขึ้น อาจจะไม่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มนี้
4. ความยากในการวัดผล : การวัดผลของแคมเปญที่เจาะจงสำหรับ TikTok อาจจะยากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
5. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว : มีการรายงานเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวใน TikTok ทำให้บางยี่ห้อเลือกที่จะไม่เข้าร่วมในแพลตฟอร์มนี้
6. การควบคุมเนื้อหา : TikTok มีนโยบายการวิเคราะห์และการตรวจสอบเนื้อหา บางครั้งเนื้อหาทางการตลาดอาจถูกระงับหรือลบ หากไม่เป็นไปตามนโยบายของแพลตฟอร์ม
7. ความเป็นเทรนด์ : การที่ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการสร้างเนื้อหาตามเทรนด์ ทำให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ตกหล่น หรือเลือนหายจากภาพ
8. การแข่งขัน : แพลตฟอร์มมีผู้ใช้งานจำนวนมากที่สร้างเนื้อหาในแต่ละวัน ทำให้การทำให้เนื้อหาของธุรกิจโดดเด่นและถูกสังเกตเห็นอาจยากขึ้น

TikTok เหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่?

1.การพิจารณากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

• ประชากรศาสตร์ (Demographics) : TikTok มีผู้ใช้งานที่หลากหลาย แต่กลุ่มหลักยังคงเป็น Gen Z และ Millennials (วัยรุ่นและคนหนุ่มสาว) หากกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ในช่วงอายุนี้ TikTok อาจเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมาก
• ความสนใจและพฤติกรรม (Interests and Behaviors) : ผู้ใช้ TikTok มักสนใจเนื้อหาบันเทิง วิดีโอสั้น เพลง แฟชั่น ความงาม และไลฟ์สไตล์ หากผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเกี่ยวข้องกับความสนใจเหล่านี้ TikTok อาจเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
• การวิเคราะห์เชิงลึก (Audience Insights) : ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ของ TikTok (TikTok Analytics) เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายของคุณ รวมถึงช่วงเวลาที่พวกเขาใช้งานแพลตฟอร์ม

2.การพิจารณางบประมาณและทรัพยากร

• งบประมาณโฆษณา (Advertising Budget) : TikTok มีรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไป กำหนดงบประมาณที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ และพิจารณา ROI (Return on Investment) ที่คาดหวัง
• ทรัพยากรในการสร้างเนื้อหา (Content Creation Resources) : การสร้างเนื้อหาบน TikTok ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทรัพยากรในการผลิตวิดีโอ พิจารณาว่าธุรกิจของคุณมีทีมงานหรือทรัพยากรเพียงพอในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและสอดคล้องกับแพลตฟอร์มหรือไม่
• การจัดการและการวิเคราะห์ (Management and Analysis) : การตลาดบน TikTok ต้องมีการจัดการและวิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง พิจารณาว่าธุรกิจของคุณมีทีมงานหรือเครื่องมือในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลหรือไม่

3.การพิจารณาเป้าหมายทางการตลาด

• การสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) : หากเป้าหมายของคุณคือการสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง TikTok อาจเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสม เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมากและอัลกอริทึม FYP ที่ช่วยในการเผยแพร่เนื้อหา
• การเพิ่มยอดขาย (Sales Increase) : หากเป้าหมายของคุณคือการเพิ่มยอดขาย คุณสามารถใช้ TikTok Shop หรือรูปแบบโฆษณาที่เน้นการกระตุ้นการซื้อ (เช่น Conversion Ads)
• การสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Engagement) : TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการมีส่วนร่วม หากเป้าหมายของคุณคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า TikTok อาจเป็นช่องทางที่เหมาะสม

การสร้าง Community TikTok เหมาะสำหรับการสร้าง Community ของแบรนด์ โดยการสร้าง Hashtag Challenge หรือการมีส่วนร่วมกับ Community ที่มีอยู่

4.ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จบน TikTok

• ตัวอย่างธุรกิจขนาดใหญ่ : ยกตัวอย่างแบรนด์ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในการทำการตลาดบน TikTok เช่น Nike , Guess หรือ Chipotle โดยวิเคราะห์กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้และผลลัพธ์ที่ได้รับ
• ตัวอย่างธุรกิจ SME : ยกตัวอย่างธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME ที่ประสบความสำเร็จบน TikTok โดยเน้นกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ง่าย เช่น การสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ การใช้ Influencer Marketing หรือการมีส่วนร่วมกับ Community

การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ เปรียบเทียบกลยุทธ์ของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

กลยุทธ์การตลาดบน TikTok ที่ควรนำมาใช้

การทำการตลาดบน TikTok อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างการมีส่วนร่วม และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ส่วนนี้จะนำเสนอแนวทางและกลยุทธ์ที่ควรนำมาใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม

1.การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นธรรมชาติ

• เน้นความบันเทิงและความคิดสร้างสรรค์ : เนื้อหาบน TikTok ส่วนใหญ่มักเน้นความบันเทิง ความตลกขบขัน หรือความคิดสร้างสรรค์ การสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับแนวทางนี้จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานได้ดี
• สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างแนบเนียน : หลีกเลี่ยงการโฆษณาขายสินค้าโดยตรง แต่ควรสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างแนบเนียน เช่น การเล่าเรื่องราว การให้ความรู้ หรือการสร้างความบันเทิงที่เชื่อมโยงกับสินค้าหรือบริการ
• ใช้เพลงและเสียงที่กำลังเป็นที่นิยม : การใช้เพลงหรือเสียงที่กำลังเป็นที่นิยม (Trending sounds) จะช่วยเพิ่มโอกาสที่เนื้อหาจะถูกค้นพบและเข้าถึงผู้ใช้งานมากขึ้น
• สร้างเนื้อหาที่กระตุ้นการมีส่วนร่วม: สร้างเนื้อหาที่กระตุ้นให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วม เช่น การตั้งคำถาม การทำ Poll หรือการสร้าง Challenges

การใช้ Storytelling การเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับแบรนด์ จะช่วยสร้างความผูกพันกับผู้ใช้งานและจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น

2.การใช้ Hashtags อย่างมีประสิทธิภาพ

• ใช้ Hashtags ที่เกี่ยวข้อง : ใช้ Hashtags ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา สินค้า บริการ หรืออุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้ใช้งานที่สนใจค้นพบเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
• ใช้ Hashtags ที่กำลังเป็นที่นิยม (Trending Hashtags) : การใช้ Hashtags ที่กำลังเป็นที่นิยมจะช่วยเพิ่มโอกาสที่เนื้อหาจะถูกมองเห็นมากขึ้น แต่ควรเลือก Hashtags ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์และเนื้อหา
• สร้าง Branded Hashtags : สร้าง Hashtags เฉพาะของแบรนด์ เพื่อใช้ในแคมเปญต่างๆ และกระตุ้นให้ผู้ใช้งานสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์
• วิเคราะห์ Hashtags ของคู่แข่ง : การวิเคราะห์ Hashtags ที่คู่แข่งใช้ จะช่วยให้เข้าใจว่า Hashtags ใดที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเป้าหมาย

การใช้ Hashtags แบบผสมผสาน ควรใช้ Hashtags ทั้งแบบกว้างและแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย

3.การมีส่วนร่วมกับ Community

• ตอบกลับความคิดเห็นและข้อความ : การตอบกลับความคิดเห็นและข้อความของผู้ใช้งาน แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและกระตุ้นให้เกิดการสนทนา
• เข้าร่วม Challenges และ Trends : การเข้าร่วม Challenges และ Trends ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและสร้างความสนุกสนาน
• สร้างปฏิสัมพันธ์กับ Influencers และ Creators อื่นๆ : การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Influencers และ Creators อื่นๆ อาจนำไปสู่ความร่วมมือในอนาคต

การสร้าง Duets และ Stitches การสร้าง Duets และ Stitches กับเนื้อหาของผู้ใช้งานคนอื่น เป็นวิธีที่ดีในการสร้างปฏิสัมพันธ์และขยายการเข้าถึง

4.การใช้ Influencer Marketing

• เลือก Influencers ที่เหมาะสมกับแบรนด์ : เลือก Influencers ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับธุรกิจ และมีภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับแบรนด์
• กำหนดเป้าหมายและความคาดหวังที่ชัดเจน : กำหนดเป้าหมายของแคมเปญร่วมกับ Influencers และกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ
• สร้างความร่วมมือที่สร้างสรรค์ : สนับสนุนให้ Influencers สร้างเนื้อหาในแบบของตนเอง เพื่อให้เนื้อหาดูเป็นธรรมชาติและน่าสนใจ

การใช้ Micro-Influencers Micro-Influencers (ผู้ติดตามจำนวนน้อยแต่มี Engagement สูง) อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด

5. การใช้ TikTok Ads อย่างมีประสิทธิภาพ

• กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ : ใช้เครื่องมือการกำหนดเป้าหมายของ TikTok Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เช่น เพศ อายุ ความสนใจ และพฤติกรรม
• เลือกรูปแบบโฆษณาที่เหมาะสม : เลือกรูปแบบโฆษณาที่เหมาะสมกับเป้าหมายของแคมเปญ เช่น In-Feed Ads, Brand Takeover, Hashtag Challenges หรือ Branded Effects
• ทดสอบและปรับปรุงแคมเปญ : ติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญอย่างใกล้ชิด และปรับปรุงกลยุทธ์ตามข้อมูลที่ได้รับ

การใช้ TikTok Pixel ติดตั้ง TikTok Pixel บนเว็บไซต์ เพื่อติดตาม Conversion และวัดผล ROI ของแคมเปญโฆษณา

สรุป

การใช้ TikTok สำหรับการตลาดธุรกิจจึงต้องมีการวางแผนและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อให้การใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลตามที่ต้องการ