เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

เวลาที่เราจะพิมพ์งานหรือเอกสารอะไรก็ตามนั้นส่วนใหญ่เราก็อาจจะต้องใช้บริการกับทางร้านอินเตอร์เน็ตหรือร้านถ่ายเอกสารทั่วไป แต่ในยุคสมัยนี้ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีความทันสมัยเป็นอย่างมาก ก็เลยทำให้อุปกรณ์ชนิดหนึ่งของคอมพิวเตอร์อย่างเครื่อง ปริ้นเตอร์ นั้น ก็จะมีราคาเครื่องที่ถูกลง แถมยังมีราคาน้ำหมึกต่างๆ ที่ไม่แพงมากอีกด้วย

หลายๆคนก็สามารถที่จะเข้าจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ทำให้การซื้อมาใช้งานส่วนตัวนั้น ก็สามารถที่จะมีความสะดวกสบายและประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากยิ่งขึ้นด้วย รวมถึงหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการใช้เครื่องปริ้นกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เครื่องปริ้นแต่ละชนิดก็มักจะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าเราอยากจะได้ฟังก์ชั่นแบบไหนมาใช้งาน

ซึ่งในวันนี้เราก็ได้นำเทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ให้เหมาะสมกับการใช้งานกันมาฝาก เพื่อที่เราจะได้ดูว่า รุ่นไหน แบบไหนมันจะมีความเหมาะสมและตอบโจทย์กับความต้องการของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่จริงๆ แล้ว เครื่องปริ้นที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ก็สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันได้แก่ เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท และเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ โดยเรามาดูเครื่องปริ้นเตอร์ทั้งสองรูปแบบกันดีกว่า ว่าแต่ละแบบนั้นมันแตกต่างและเหมาะสมกับชิ้นงานได้มากน้อยขนาดไหน

ประเภทของเครื่องปริ้นเตอร์

1.เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เครื่องพิมพ์ชนิดนี้นั้นก็จะเหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไป เช่น นักเรียน นักศึกษา คนทำงานทางด้านเอกสารต่างๆ สามารถที่จะพิมพ์ชิ้นงานต่างๆ ได้อย่างมากมาย การเลือกเครื่องพิมพ์แบบนี้นั้นส่วนใหญ่แล้วก็เน้นการพิมพ์ที่ไม่เยอะเท่าไร แต่มีสีสันที่ได้นั้นสดใสและชัดเจนเป็นอย่างมาก มีแม่พิมพ์หลัก 4 สีด้วยกัน ข้อดีของการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทมาใช้งานนั้นก็คือจะมีราคาที่ไม่แพง สามารถที่จะซื้อไว้ใช้งานที่บ้านได้อย่างสบายๆ

เวลาที่พิมพ์ชิ้นงานหรือจัดทำชิ้นงานออกมานั้นก็จะมีความเป็นธรรมชาติได้มากที่สุด ภาพคมชัด สีสันชัดเจนและสวยงามเป็นอย่างมาก แต่ค่าน้ำหมึกนั้นก็อาจจะมีราคาสูง ทำให้ไม่ค่อยตอบโจทย์กับเงินในกระเป๋าสักเท่าไร นอกจากนี้ถ้าเทียบความเร็วในการพิมพ์ระหว่างเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์นั้น ก็จะมีการพิมพ์ที่ช้ากว่า แต่ถ้าเราไม่ได้เน้นความเร็วอะไรมาก เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับข้อเสียนั้น ถ้าหากเราพิมพ์ไม่เยอะ นานๆ พิมพ์ที ก็อาจจะทำให้หัวหมึกอาจจะตันได้ อาจจะต้องเสียค่าบำรุงการรักษาอยู่บ่อยๆ ฉะนั้น ในหนึ่งสัปดาห์ ควรจะมีการพิมพ์งานอย่างน้อย 2-3 ครั้งก็น่าจะช่วยเรื่องนี้ได้นั่นเอง

2.เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ เครื่องพิมพ์ลักษณะแบบนี้นั้นก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงมาก มันเหมาะสำหรับสถานที่ที่เน้นการพิมพ์งานต่างๆ หรืองานทางด้านเอกสารที่เยอะมากๆ เช่นพวกองค์กร สำนักงาน บริษัท ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล สถานีตำรวจ หรือ หน่วยงานราชการส่วนต่างๆ เป็นต้น เพราะเอกสารที่ปริ้นออกมาจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นก็จะมีความคมชัดเป็นอย่างมาก สามารถที่จะทำให้ชิ้นงานของเรานั้นมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญในทุกวันนี้นั้นเครื่องพิมพ์ในรูปแบบเลเซอร์นั้นก็มีราคาที่ถูกลงเป็นอย่างมาก

การซ่อมบำรุงรักษาต่างๆ หรือแม้กระทั่งในการเติมน้ำหมึกก็ยังสามารถที่จะทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเลยทำให้ในทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ก็นิยมที่จะเลือกนำมาใช้ติดบ้านกันนั่นเอง ฉะนั้นแล้วในการเลือกซื้อเครื่องปริ้นจริงๆ นั้นไม่ว่าจะเป็นแบบไหนยี่ห้อไหนก็ตามแต่ เราก็ควรที่จะต้องเลือกให้มันมีความเหมาะสมกับชิ้นงานของเราให้ได้มากที่สุด ควรที่จะต้องดูถึงความจำเป็นว่ามันตอบโจทย์และมันเหมาะสมกับการใช้งานได้หรือไม่ สามารถที่จะพิมพ์เอกสารได้มากน้อยขนาดไหน ภาพสีต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าหากใครไม่รู้ว่าจะเลือกซื้ออย่างไรดี เราก็จะมีวิธีและปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องปริ้นให้ง่ายมากยิ่งขึ้นจะมีวิธีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลย

เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องปริ้นเตอร์

1.ความรวดเร็วในการพิมพ์ ควรที่จะต้องคำนึงด้วยนะครับว่าแต่ละแผ่นที่ได้พิมพ์ออกมานั้นมันมีความเร็วที่ตอบสนองต่อความต้องการของเราได้หรือเปล่า ถ้าหากเราไม่ได้ใช้พิมพ์งานอะไรมากมายก็ไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ไปก็ได้ แต่ถ้าหากเราเลือกนำมาใช้สำหรับงานทางด้านสำนักงานความเร็วก็เป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน

2.ฟังก์ชั่นในการใช้งาน การเลือกซื้อเครื่องปริ้นในทุกวันนี้นั้น เครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนเครื่องนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเลย ยิ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เยอะ ราคาก็มักจะแพงเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วย ซะนั้นให้ดูในเรื่องความเหมาะสมจะดีกว่ามันตอบโจทย์กับความต้องการของเราได้มากน้อยขนาดไหน

3.ราคา เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งเลย ในส่วนราคาของเครื่องปริ้นนั้นถึงแม้ว่าจะมีราคาที่ไม่แพงมาก แต่บางรุ่นบางยี่ห้อ ก็มักแอบจะมีราคาที่สูงอยู่เหมือนกัน ดังนั้นให้เรามาเทียบค่าใช้จ่ายในด้านการพิมพ์งานจะดีกว่า ว่าในแต่ละแผ่นนั้น มีค่าพิมพ์ต่อแผ่นตกอยู่ที่เท่าไร รวมไปถึงการบำรุงการรักษาต่างๆ ด้วย ว่ามันจะมีราคาซ่อม ราคาน้ำหมึกที่แพงหรือไม่นั่นเอง เราควรที่จะต้องเลือกให้มันเกิดความคุ้มค่าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้