กล่องอาหารย่อยสลายได้ สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ 01

กล่องอาหารย่อยสลายได้สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ | ลดต้นทุนและรักษาสิ่งแวดล้อม

การเลือกใช้ กล่องอาหารย่อยสลาย ได้สำหรับธุรกิจร้านอาหารเดลิเวอรี่ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ยังเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถลดต้นทุนทางธุรกิจร้านอาหารเดลิเวอรี่ของคุณได้อีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกล่องอาหารย่อยสลายได้ และแนวทางการเลือกใช้สำหรับธุรกิจร้านอาหาร

กล่องอาหารย่อยสลายได้ สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ 02

กล่องอาหารย่อยสลายได้ คืออะไร?

กล่องอาหารย่อยสลายได้ คือบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติหรือวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เมื่อทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อม กล่องเหล่านี้จะสลายตัวกลายเป็นสารอินทรีย์โดยไม่ทิ้งสารพิษหรือไมโครพลาสติกไว้ในธรรมชาติ ระยะเวลาในการย่อยสลายของกล่องอาหารแต่ละประเภทแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัสดุและสภาพแวดล้อม

กล่องอาหารย่อยสลายได้ สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ 03

ประเภทของกล่องย่อยสลายได้ และระยะเวลาย่อยสลาย

กล่องจากเยื่อไผ่กล่องจากชานอ้อยกล่องจากแป้งมันสำปะหลังกล่องจาก PLA (Polylactic Acid)
ย่อยสลายได้ใน 4-6 เดือน เนื่องจากเยื่อไผ่เป็นวัสดุธรรมชาติที่จุลินทรีย์ในดินสามารถย่อยสลายได้ย่อยสลายได้ใน 2-3 เดือน ทำจากเศษเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมน้ำตาล ช่วยลดขยะจากการผลิตย่อยสลายได้ใน 3-6 เดือน เป็นวัสดุจากพืชท้องถิ่นไทยย่อยสลายได้ใน 3-6 เดือน ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แต่ต้องการเงื่อนไขเฉพาะ เพื่อให้ย่อยสลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล่องอาหารย่อยสลายได้ สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ 04

กระบวนการผลิตเบื้องต้นของกล่อง

1. กล่องจากเยื่อไผ่

ความเป็นมา: ไผ่เป็นพืชที่เติบโตเร็วและยั่งยืน ถูกนำมาใช้เป็นวัสดุทางเลือกเพื่อลดการตัดไม้

กระบวนการผลิต:

  • การเตรียมวัตถุดิบ: ตัดไผ่และนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • การต้มเยื่อ: นำชิ้นไผ่มาต้มกับสารเคมีเพื่อแยกเยื่อไผ่ออกจากลิกนิน
  • การล้างและฟอกสี: ล้างเยื่อไผ่ให้สะอาดและฟอกให้มีสีที่ต้องการ
  • การปั่นเยื่อ: นำเยื่อไผ่มาปั่นให้ละเอียดและผสมกับน้ำ
  • การขึ้นรูป: นำเยื่อไผ่ที่ผสมน้ำแล้วมาขึ้นรูปเป็นแผ่นกระดาษ
  • การอบแห้ง: นำแผ่นกระดาษไผ่มาอบให้แห้ง
  • การตัดและขึ้นรูปกล่อง: นำกระดาษไผ่มาตัดตามแบบและ-ประกอบเป็นกล่อง
  • การตกแต่งและเคลือบผิว: ตกแต่งกล่องและเคลือบผิวเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและสวยงาม
  • การตรวจสอบคุณภาพ: ตรวจสอบคุณภาพของกล่องก่อนบรรจุและจัดส่ง

เหตุผลที่ย่อยสลายได้: เยื่อไผ่เป็นวัสดุธรรมชาติที่จุลินทรีย์ในดินสามารถย่อยสลายได้

2. กล่องจากชานอ้อย

ความเป็นมา: ชานอ้อยเป็นเศษเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมน้ำตาล การนำมาใช้ช่วยลดขยะจากกระบวนการผลิต

กระบวนการผลิต:

  • การเตรียมวัตถุดิบ: รวบรวมชานอ้อยจากโรงงานน้ำตาล ล้างทำความสะอาด
  • การบด: นำชานอ้อยมาบดให้ละเอียด
  • การต้มเยื่อ: ต้มชานอ้อยที่บดแล้วกับสารเคมีเพื่อแยกเยื่อ
  • การล้างและฟอกสี: ล้างเยื่อให้สะอาดและฟอกสีตามต้องการ
  • การปั่นเยื่อ: ปั่นเยื่อให้ละเอียดและผสมน้ำ
  • การขึ้นรูปแผ่น: นำเยื่อที่ผสมน้ำมาขึ้นรูปเป็นแผ่น
  • การอบแห้ง: อบแผ่นเยื่อให้แห้ง
  • การตัดและขึ้นรูปกล่อง: ตัดแผ่นตามแบบและประกอบเป็นกล่อง
  • การเคลือบผิว: เคลือบผิวกล่องเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและกันน้ำ
  • การตรวจสอบคุณภาพ: ตรวจสอบคุณภาพก่อนบรรจุและจัดส่ง

เหตุผลที่ย่อยสลายได้: ชานอ้อยประกอบด้วยเส้นใยธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่ายในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ

3. กล่องจากแป้งมันสำปะหลัง

ความเป็นมา: เป็นการใช้ประโยชน์จากพืชท้องถิ่นที่มีมากในประเทศไทย

กระบวนการผลิต:

  • การเตรียมวัตถุดิบ: จัดเตรียมแป้งมันสำปะหลังและส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำ และสารเติมแต่ง
  • การผสม: ผสมแป้งมันสำปะหลังกับน้ำและสารเติมแต่งให้เข้ากัน
  • การให้ความร้อน: นำส่วนผสมมาให้ความร้อนเพื่อให้เกิดการเจลาติไนซ์
  • การขึ้นรูป: นำส่วนผสมที่ได้มาขึ้นรูปเป็นแผ่นหรือฉีดขึ้นรูปเป็นกล่องโดยตรง
  • การทำให้เย็น: ทำให้ชิ้นงานเย็นตัวลงเพื่อให้คงรูป
  • การตัดแต่ง: ตัดแต่งชิ้นงานให้ได้รูปทรงตามต้องการ (กรณีขึ้นรูปเป็นแผ่น)
  • การประกอบ: ประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกันเป็นกล่อง (กรณีขึ้นรูปเป็นแผ่น)
  • การเคลือบผิว: เคลือบผิวกล่องเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและกันน้ำ
  • การทำให้แห้ง: อบหรือตากให้กล่องแห้งสนิท
  • การตรวจสอบคุณภาพ: ตรวจสอบคุณภาพของกล่องก่อนบรรจุและจัดส่ง

เหตุผลที่ย่อยสลายได้: แป้งมันสำปะหลังเป็นคาร์โบไฮเดรตที่จุลินทรีย์สามารถย่อยสลายได้

4. กล่องจาก PLA (Polylactic Acid)

ความเป็นมา: PLA เป็นพลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากแป้งพืช เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง

กระบวนการผลิต:

  • หมักแป้งพืชให้เกิดกรดแลคติก
  • ทำปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันเพื่อสร้างโมเลกุล PLA
  • นำ PLA มาขึ้นรูปเป็นกล่อง

เหตุผลที่ย่อยสลายได้: โมเลกุล PLA สามารถถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์บางชนิด แต่ต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

กล่องอาหารย่อยสลายได้ สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ 05

ข้อควรรู้ของการใช้กล่องอาหารย่อยสลายได้

การใช้กล่องอาหารย่อยสลายได้มีข้อดีหลายประการ เช่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค แต่ก็มีข้อพิจารณาเช่นกัน เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น และอายุการเก็บรักษาที่สั้นกว่า

ข้อดีของการใช้กล่องอาหารย่อยสลายได้

  1. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารพิษ
  2. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์: แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม
  3. ปลอดภัยต่อผู้บริโภค: ไม่มีสารเคมีอันตราย
  4. องรับนโยบายภาครัฐ: หลายประเทศมีกฎหมายส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน
  5. ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่: ลูกค้าให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ข้อควรพิจารณาในการใช้กล่องอาหารย่อยสลายได้

  1. ต้นทุนที่สูงขึ้น: ราคาอาจสูงกว่ากล่องพลาสติกทั่วไป
  2. อายุการเก็บรักษา: อาจสั้นกว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติก
  3. ความทนทาน: บางชนิดอาจไม่เหมาะกับอาหารที่มีน้ำมันหรือความร้อนสูง
  4. การจัดการหลังการใช้: ต้องแยกทิ้งอย่างถูกวิธีเพื่อให้ย่อยสลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล่องอาหารย่อยสลายได้ สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ 06

การเลือกใช้กล่องอาหารย่อยสลายได้สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่

1. พิจารณาประเภทอาหาร: เลือกวัสดุที่เหมาะกับอาหารของคุณ

การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับประเภทอาหารของคุณเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เพราะนอกจากจะช่วยรักษาคุณภาพของอาหารแล้ว ยังช่วยป้องกันการรั่วซึมและการปนเปื้อนอีกด้วย

  • สำหรับอาหารร้อน: เลือกกล่องที่ทำจากเยื่อไม้ไผ่ ชานอ้อย หรือเยื่อข้าวสาลี ซึ่งทนความร้อนได้ดีและคงรูปทรง
  • สำหรับอาหารเย็นหรือของหวาน: กล่องที่ทำจากพลาสติกชีวภาพ (PLA) หรือกระดาษเคลือบไขธรรมชาติอาจเหมาะสมกว่า
  • สำหรับอาหารที่มีน้ำซอส: ควรเลือกกล่องที่มีการเคลือบกันน้ำ แต่ยังคงย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

2. คำนึงถึงต้นทุน: เปรียบเทียบราคาและคุณภาพจากหลายแหล่ง

การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจมีต้นทุนที่สูงกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป แต่ก็มีวิธีการจัดการต้นทุนที่ชาญฉลาด

  • ติดต่อผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายโดยตรงเพื่อขอราคาส่ง
  • เปรียบเทียบราคาและคุณภาพจากหลายแหล่ง อย่าลืมพิจารณาถึงค่าขนส่งด้วย
  • มองหาโอกาสในการสั่งซื้อร่วมกับร้านอาหารอื่นๆ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและลดต้นทุน
  • พิจารณาการลงทุนในระยะยาว บรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีอาจมีราคาสูงกว่า แต่อาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาวหากสามารถรักษาคุณภาพอาหารได้ดีกว่า

3. ทดสอบการใช้งาน: ทดลองใช้กับอาหารจริงก่อนสั่งซื้อจำนวนมาก

ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์จำนวนมาก ควรทดลองใช้งานจริงก่อน

  • ขอตัวอย่างจากผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อทดลองใช้
  • ทดสอบกับอาหารหลากหลายประเภทที่คุณเสิร์ฟ
  • สังเกตการเปลี่ยนแปลงของอาหารเมื่อเวลาผ่านไป (เช่น หลังจาก 30 นาที 1 ชั่วโมง)
  • ทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง เช่น การขนส่ง การจัดเก็บในตู้อุ่นอาหาร
  • รวบรวมความคิดเห็นจากพนักงานและลูกค้าทดลอง

4. ศึกษาความต้องการของลูกค้า: สำรวจความคิดเห็นของลูกค้าเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์

การเข้าใจความต้องการและความคิดเห็นของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกบรรจุภัณฑ์:

การรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์:

  • จัดทำแบบสำรวจทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึก
  • ประเมินระดับความสำคัญที่ลูกค้าให้กับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • สอบถามลูกค้าว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหน
  • เปิดช่องทางรับฟังไอเดีย และข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภค
  • สอบถามความยินดีและความคิดเห็นของลูกค้า ว่าทางลูกยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มไหม สำหรับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนี้ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ที่ลูกค้าแนะนำมา

5. วางแผนการจัดการต้นทุน: อาจปรับราคาอาหารหรือคิดค่าบรรจุภัณฑ์เพิ่ม

การเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจส่งผลต่อต้นทุน ดังนั้นการวางแผนการจัดการต้นทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ:

  • คำนวณต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่
  • พิจารณาปรับราคาอาหารเล็กน้อยเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
  • เสนอทางเลือกให้ลูกค้า เช่น คิดค่าบรรจุภัณฑ์เพิ่มสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • สร้างแคมเปญการตลาดเพื่อสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงและเหตุผลในการปรับราคา (ถ้ามี)
  • มองหาวิธีลดต้นทุนในส่วนอื่นๆ เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากบรรจุภัณฑ์

มาตรฐานและการรับรองกล่องอาหารย่อยสลายได้

กล่องอาหารย่อยสลายได้ที่ได้มาตรฐานจะต้องผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • มาตรฐาน EN 13432 ของสหภาพยุโรป
  • มาตรฐาน ASTM D6400 ของสหรัฐอเมริกา
  • เครื่องหมาย “Compostable” จากองค์กร Biodegradable Products Institute (BPI)

กล่องอาหารย่อยสลายได้ที่ได้มาตรฐานจะต้องผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม มาตรฐานที่สำคัญมีดังนี้:

1. มาตรฐาน EN 13432 ของสหภาพยุโรป

  • หน่วยงานรับผิดชอบ: European Committee for Standardization (CEN)
  • ขอบเขต: ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้และทำปุ๋ยหมักได้
  • การทดสอบ:
    • ความสามารถในการย่อยสลาย: ต้องย่อยสลายได้อย่างน้อย 90% ภายใน 6 เดือน
    • ความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม: ต้องไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพของปุ๋ยหมัก
    • ส่วนประกอบ: ต้องไม่มีโลหะหนักเกินกว่าที่กำหนด
  • การรับรอง: ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐานจะได้รับเครื่องหมาย “Seedling Logo”

2. มาตรฐาน ASTM D6400 ของสหรัฐอเมริกา

  • หน่วยงานรับผิดชอบ: American Society for Testing and Materials (ASTM)
  • ขอบเขต: ใช้สำหรับพลาสติกและผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ในสภาวะการทำปุ๋ยหมักแบบอุตสาหกรรม
  • การทดสอบ:
    • ความสามารถในการย่อยสลาย: ต้องย่อยสลายได้อย่างน้อย 60% ภายใน 180 วัน
    • การแตกสลายเป็นชิ้นเล็ก: ต้องแตกสลายเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ผ่านตะแกรงขนาด 2 มม. ได้ไม่น้อยกว่า 90%
    • ความเป็นพิษ: ต้องไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพของปุ๋ยหมัก
  • การรับรอง: ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐานสามารถใช้คำว่า “Compostable” บนฉลากได้

3. เครื่องหมาย “Compostable” จากองค์กร Biodegradable Products Institute (BPI)

  • หน่วยงานรับผิดชอบ: Biodegradable Products Institute (BPI)
  • ขอบเขต: ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ในสภาวะการทำปุ๋ยหมักแบบอุตสาหกรรม
  • การทดสอบ:
    • ใช้มาตรฐาน ASTM D6400 หรือ ASTM D6868 เป็นเกณฑ์
    • ตรวจสอบส่วนประกอบทั้งหมดของผลิตภัณฑ์
  • การรับรอง: ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจะได้รับเครื่องหมาย “BPI Compostable”

ข้อควรระวังในการใช้งาน

แม้ว่ากล่องอาหารย่อยสลายได้จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้งาน

  • อุณหภูมิ: บางชนิดอาจไม่เหมาะกับอาหารร้อนจัด
  • ความชื้น: บางวัสดุอาจอ่อนตัวเมื่อสัมผัสความชื้นนานเกินไป
  • การเก็บรักษา: ควรเก็บในที่แห้งและเย็นเพื่อยืดอายุการใช้งาน
  • การทิ้ง: ควรทิ้งในถังขยะอินทรีย์หรือนำไปทำปุ๋ยหมักเพื่อให้ย่อยสลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุป

การเลือกใช้กล่องอาหารย่อยสลายได้สำหรับร้านอาหารเดลิเวอรี่ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ แม้จะมีความท้าทายในเรื่องต้นทุนและการจัดการ แต่ผลลัพธ์ระยะยาวทั้งในแง่ภาพลักษณ์และความยั่งยืนของธุรกิจนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง ร้านอาหารที่เริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและพร้อมรับมือกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *